“หุ้น MONO เป็นหุ้นพื้นฐานดีที่จะเปิดประเดิมในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 นี้ อย่างประทับใจแน่นอน เพราะเป็นผู้นำ “Entertainment Content Creator" อันดับ 1 ของเมืองไทย และเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและสาระบันเทิงผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ สื่ออินเตอร์เน็ต สิ่งพิมพ์ และรายการโทรทัศน์ ที่มีรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยปัจจุบันมีการเติบโตของกำไรอย่างเนื่องและมีอัตรากำไรที่สูง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอลเพื่อขยายรูปแบบ (Platform) โดยอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการเนื้อหา (Content Provider) และผู้ดำเนินธุรกิจทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ MONO มีการเจริญเติบโตและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง"นายพิเชษฐ์ กล่าว
ด้านนายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่การตลาด MONO กล่าวว่า บริษัทจะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 245,000,000 หุ้น ซึ่งหุ้นออกใหม่ที่เสนอขายดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 17.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งนี้ สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนร้อย 71.9 ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 115.5 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเต็มจำนวน เป็น 140.0 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,400 ล้านหุ้น
บริษัทฯคาดว่าจะระดมเงินทุนจากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ราว 1-2 พันล้านบาท โดยจะเริ่มโรดโชว์ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. นี้เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจทั้งการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การลงทุนเพิ่มในคอนเทนท์ การลงทุนเพิ่มในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การขยายพื้นที่สำนักงานและการเข้าลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งการประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอล
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 55 บริษัทมีรายได้รวม 1,561.9 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18.3% จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 607.3 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 21.6% จากปีก่อน จากธุรกิจสื่อและให้บริการข้อมูล 1,460.4 ล้านบาทและจากธุรกิจการให้บริการด้านบันเทิง 77.9 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เข้าระดมทุนในตลาดแล้ว จะส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายนวมินทร์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 56เติบโต 30% จากปี 55 โดยในไตรมาส 1/56 รายได้เติบโตมากกว่า 30% แล้วแม้ว่าปรกติไตรมาสแรกของปีจะเป็นไตรมาสที่ไม่ดีนัก ขณะที่ไตรมาส 2-4 จะเป็นไตรมาสที่ดี ประกอบกับ การเปิดบริการ 3G ของบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในปีนี้จะทำให้โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เติบโตมาก
ในปี 56 บริษัทฯได้ตังงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ประมูลช่องสัญญาณทีวีระบบดิจิตอล 500-700 ล้านบาท โดยส่งบริษัทย่อยเข้าประมูล และจะมีการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจทั้งในและต่างประเทศมูลค่าประมาณ 350 ล้านบาทใช้ลงทุนในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะมีการขยายไปในมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ที่ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ส่วนที่เหลือจะไปลงทุนเพิ่มในคอนเทนท์ และลงทุนในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ปัจจุบัน บมจ.โมโน เทคโนโลยี มีบริษัทย่อย 8 บริษัท แบ่งการประกอบการธุรกิจออกเป็น 2 สายธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล ด้วยธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มธุรกิจสื่ออินเทอร์เน็ต กลุ่มธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และกลุ่มธุรกิจสื่อทีวี 2.ธุรกิจการให้บริการด้านบันเทิง อาทิ ธุรกิจเพลง ธุรกิจภาพยนตร์ ซึ่งการดำเนินธุรกิจของแต่ละกลุ่มธุรกิจมีความเกี่ยวเนื่องและสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันภายในกลุ่มบริษัทได้อย่างครบวงจร
บริษัทมีนโยบายมุ่งเน้นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านบริการ ข้อมูล ข่าวสาร สาระบันเทิงใหม่ๆ ที่สอดรับกับสถานการณ์และความต้องการที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภค เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการ และวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์จากทีมงานที่เชี่ยวชาญ และมากด้วยประสบการณ์ โดยบริษัทจัดทีมงานพัฒนาบริการและสาระบันเทิงออกเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความหลากหลายในด้านอายุ ค่านิยม และความต้องการ