วัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้ง บริษัท ไนน์ เอ็นเตอร์เทน จำกัด เพื่อออกมาแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ได้อย่างแท้จริง เนื่องจากปัจจุบันไนน์ เอ็นเตอร์เทน ทำรายได้ให้กับ MCOT ในสัดส่วนถึง 35-40% ของรายได้รวม ส่งผลให้มองว่าไนน์ เอ็นเตอร์เทนมีศักยภาพพอที่จะเติบโตต่อไปด้วยตัวเองได้ อีกทั้งปัจจุบัน MCOT ได้ส่วนแบ่งการตลาดทางด้านคอนเทนท์บันเทิงค่อนข้างน้อย เพราะนโยบายหลักเป็นรายการสาระบรรเทิง แต่หาก ไนน์ เอ็นเตอร์เทน แยกออกมา และมีการแบ่งกลุ่มชัดเจนมากขึ้น ก็น่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้
ประกอบกับ กฎเกณฑ์ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)เหมือนกับเป็นข้อบังคับให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จากที่บริษัทประกอบธุรกิจการกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์มานานมากแล้ว เมื่อมี กสทช.ก็ทำให้ต้องปรับมาเป็นรูปแบบการประมูลใบอนุญาต รวมถึงแนวโน้มการแข่งขันที่จะสูงขึ้นด้วย
ดังนั้น MCOT จึงมองแนวทางที่จะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่ไม่อาสัยคลื่นความถี่ และธุรกิจอื่นๆมากยิ่งขึ้น และหารายได้ในส่วนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น นิตยสาร เวปไซต์ หรือ ในส่วนที่เป็นดิจิตอล ทั้งหมด รวมถึง Free Copy ที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ประกอบกับ บริษัทก็มีศักยภาพในด้านของสื่อครบวงจร ทั้งทีวี วิทยุ และออนไลน์ ส่งผลให้ทีมงานของไนน์ เอ็นเตอร์เทน มองเห็นโอกาสที่จะทำธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น Production house ในส่วนของ PR Agency หรือ Event
ทั้งนี้ หลังจากแยก ไนน์ เอ็นเตอร์เทน ออกมาแล้วสัดส่วนการถือหุ้นจะเป็น MCOT ถือ 49% พาโนราม่าและซีท 39% และส่วนของพนักงานอีก 10% โดยจะมีทุนจดทะเบียนที่ 50 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในระยะเวลา 5 ปีคาดว่า บริษัท ไนน์ เอ็นเตอร์เทน จำกัด จะทำรายได้เติบโตเป็น 2 พันล้านบาท จากที่ปี 55 มีรายได้246 ล้านบาท เมื่อถึงเวลานั้นอาจจะมีการพิจารณานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะผู้บริหารในเวลานั้นด้วย