(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบ,รอข่าว กนง.นัดพิเศษ 30 เม.ย.-เก็ง ECB ลดดบ.

อย่างไรก็ดี ตลาดฯอาจมีปัจจัยถ่วงจากเรื่องที่เครือข่ายภาคประชาชนยื่นศาลปกครองขอให้ระงับโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งอาจจะมีผลต่อกลุ่มรับเหมาฯได้

ด้านตลาดฯหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวในแดนบวก-ลบสลับกัน โดยวันนี้ตลาดจีนและตลาดญี่ปุ่นได้ปิด ทำการ ทำให้วอลุ่มเทรดของตลาดฯอาจน้อยลง และตลาดบ้านเราก็จะมีหยุดทำการในช่วงกลางสัปดาห์ด้วย ดังนั้น ตลาดฯอาจเงียบ ไปบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,568-1,570 จุด แนวต้าน 1,590-1,595 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(26 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,712.55 จุด เพิ่มขึ้น 11.75 จุด(+0.08%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,582.24 จุด ลดลง 2.92 จุด(-0.18%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,279.26 จุด ลดลง 10.72 จุด(-0.33%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 19.92 จุด ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.65 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.31 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.28 จุด ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.59 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.60 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุดแรงงาน และตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวัน Showa

• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 เม.ย.)ที่ 1,582.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.68 จุด(+0.55%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,750.38 ล้านบาท เมื่อ 26 เม.ย.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 เม.ย.)ที่ 93.00 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.64 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 เม.ย.)ที่ 5.6 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.23/25 รอดูมาตรการดูแลบาท
• จับตา 30 เม.ย.นี้ แบงก์ชาติรายงานข้อมูลเศรษฐกิจบอร์ดกนง.พร้อมแจงผลหารือรัฐบาลสกัดค่าบาทแข็งค่า ยันคงดอกเบี้ย 2.75% หากลดลง ส่งผลเสีย-ไม่ช่วยชะลอเงินทุนไหลเข้า เล็งดันมาตรการเก็บภาษีพันธบัตร ขณะ"กรณ์-ธีระชัย-วิรไท" หนุนคุมตลาดตราสารหนี้
• เผยต่างชาติถือครองตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่ม ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยโตอย่างแข็งแกร่งและกำไรจากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลตอบแทนสูง สมาคมตราสารหนี้ชี้เป็นภาวะผิด ปกติชั่วคราวให้ผลตอบแทนสูง เตือนเงินทุนไหลออกหาก 6ผลตอบแทนกลับสู่ภาวะปกติ
• นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้การเก็บภาษีของกรมลดลง 10% เพราะมูลค่าสินค้านำเข้าเมื่อคิดเป็นเงินบาทลดลงทำให้ผู้ประกอบการเสียภาษีลดลงไปด้วย ซึ่งทางกรมได้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
• ภาคประชาชนจ่อฟ้องป.ป.ช.เอาผิด ครม.-กบอ. ยกชุด ฐานทีโออาร์งบน้ำ เอื้อทุจริตขัดรัฐธรรมนูญ, เครือข่ายภาคประชาชน ประกอบด้วยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ(ประเทศไทย) ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Thaiflood.com และเครือข่ายธุรกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมแถลงคัดค้านแผนบริหารจัดการน้ำเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรง ละเลยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
• ก.ล.ต.แก้ไขกฎหมายแพ่ง หวังลงโทษ นักลงทุนเข้ามาสร้างราคาหุ้น โดยเฉพาะสั่งห้ามกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย 5 ปี แจงส่งรายละเอียดให้กระทรวงคลังพิจารณาเพื่อร่างแก้ไขกฎหมายใหม่แล้วเมื่อเดือนก่อน มองกระแสควบรวมกิจการและเทคโอเวอร์ดีลใหญ่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เพราะบจ.ต้องเร่งขยายเพื่อรับมือเปิดอาเซียน ทางการเตรียมปรับปรุงพ.ร.บ.มหาชนหวังผ่อนเกณฑ์การแลกหุ้น เพื่อขจัดอุปสรรค
• สินเชื่อเช่าซื้อของไทยเนื้อหอมในสายตาต่างชาติ ล่าสุดเครดิตสวิสแบงก์ ติดต่อขอข้อมูล เพื่อไปศึกษาแผนการเข้ามาลงทุน หลังเห็น มูลค่าตลาดเช่าซื้อ 6-7 แสนล้านบาท "อนุชาติ" ประธานสมาคมเช่าซื้อคนใหม่ ย้ำภารกิจหลักเร่งเจรจาเคลียร์การทำธุรกรรมกับหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกรมการขนส่งทางบก กรณีการจำนำทะเบียนรถคันแรก
• สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานตัวเลขผลดำเนินงานของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์)และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์)ณ สิ้นเดือน ก.พ.2556 ที่ผ่านมาว่าเอสเอ็มอีแบงก์มียอดสินเชื่อคงค้างณ สิ้นเดือน ก.พ.อยู่ที่ 9.6 หมื่นล้านบาทลดลงเมื่อเทียบกับเดือนม.ค. ที่มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9.63 หมื่นล้านบาทหรือลดลงกว่า 300 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมถึง 9,946 ล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

• JAS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าขึ้นเป็น 10.20 จาก 7.10 บาท จากการปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2013-14 ขึ้น 8-14% เป็นกำไรโต 41% และ 20% ตามลำดับ และ re-rate PE ขึ้นเป็น 24 เท่าจากเดิม 18 เท่า จาก EPS growth เฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่เพิ่มเป็น 24% สำหรับกำไรสุทธิใน 1Q13 คาดทำ new high +21% Q-Q, +51% Y-Y เป็น 705 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติคาด +2% Q-Q, +54% Y-Y กำไรที่ชะลอ Q-Q เกิดจากรายได้งานวางระบบลดลงจากไตรมาสก่อนที่สูงเป็นพิเศษ
• DELTA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับเป้าขึ้นเป็น 46 จาก 33 บาท จากการปรับเพิ่มกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 7% เป็นโต 3% เพราะค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และ re-rate PE ขึ้นเป็น 13 เท่าเท่ากับช่วงก่อนน้ำท่วม จากเดิม 10 เท่า ส่วนกำไรสุทธิ 1Q13 คาด +39% Q-Q, +59% Y-Y
• AMATA(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 27 บาท ตั้งเป้ายอดขายที่ดินใหม่ในปี 56 โต 10—20% หรือ 3-3.3 พันไร่ กลุ่มยานยนต์ยังคงเป็นลูกค้าเป้าหมาย โดยบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปลี่ยนวิธีจากการขายที่ดินเป็นการทำสัญญาเช่าระยะยาว มีงานในมือกว่า 6.7 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้หลักต่อเนื่องถึงปีหน้า ยังมีแผนการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ 1.8 พันล้านบาท
• CCET(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 5.50 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์จะได้รับอานิสงค์เชิงบวกในแง่ Sentiment จากทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง จนกว่าจะได้ข้อสรุปประชุมกนง.ครั้งถัด 29 พ.ค.56 ต้องติดตามว่าจะมีการลดดอกเบี้ยหรือไม่ พร้อมคาดกำไรปกติปี 56 โตสูงถึง 3,379% yoy และราคาหุ้น PER ค่อนข้างต่ำ
• KGI(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"ทางเทคนิคให้แนวต้าน 3.80 บาท เชื่อกลุ่มหลักทรัพย์ยังมี Momentum เชิงบวกต่อเนื่องและน่าสนใจเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q56 ที่คาดออกมาดี ประเมินเบื้องต้นกำไรสุทธิ 1Q56 ขยายตัวโดดเด่นมากทั้ง yoy และ qoq เป็น 200 — 250 ล้านบาท ใน 1Q56 และยังมี Valuation ที่ไม่สูงมากนัก