ส่วนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ 2.2 ล้านล้านบาทนั้น บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งในโครงการต่างๆ ราว 25-30% เนื่องจากบริษัทมีทั้งศักยภาพและทรัพยากรที่เพียงพอที่จะเข้าแข่งขันได้ในทุกระดับ
"ปีนี้บริษัทประมาณการณ์รายได้ขั้นต่ำ 2.5-2.8 หมื่นล้านบาท และกำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 8-10% โดยจะมาจากงานในมือ จำนวน 165,924 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2556 ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมั่นคง ได้ในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า" นายปลิว กล่าว
นายปลิว กล่าวว่า สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากปีก่อนบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่จากนี้ไปจะมีการลงทุนไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการไซยะบุรี ซึ่งมีกำหนดลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้าเฉลี่ยปีละ 700 ล้านบาท ขณะที่อนาคตบริษัทสนใจลงทุนด้านพลังงานในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการลงทุนในโครงการทวาย
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างศึกษาทีโออาร์เพื่อจัดทำข้อเสนอในโครงการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งบริษัทผ่านคุณสมบัติ 2 แผนงาน (โมดูล) และมีกำหนดยื่นประมูลวันที่ 3 พ.ค.นี้ด้วย
นายปลิว กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านการเงิน โดยได้ขายหุ้นของบมจ.น้ำประปาไทย (TTW) ซึ่งมีรายได้จากการขายกว่า 3 พันล้านบาท และมีกำไร 2.2 พันล้านบาท และในช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ได้ขายหุ้นบมจ. รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ออกไปประมาณ 8% หลังจากทำรายการแล้วบริษัทจะมีสัดส่วนถือหุ้นอยู่ที่ 16.04% จากเดิม 24.61%
ทั้งนี้ บริษัทขายหุ้น BMCL ในราคา 1.15 บาท จำนวน 953 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทมีต้นทุนอยู่ที่ 0.10 บาท และมีกำไรจากการขายประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งจะบันทึกกำไรในไตรมาส 2/56
นายปลิว กล่าวว่า บริษัทได้นำเงินจากการขายหุ้นดังกล่าวมาลดหนี้ และเพื่อใช้ในการดำเนินงานเพิ่มศักยภาพในการรับงานใหม่ๆในอนาคต โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัท(D/E)สิ้นปี 55 อยู่ที่ 2.6 เท่า และในไตรมาส 1/56 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3-1.4 เท่า และคาดว่าในไตรมาส 2/56 จะลดลงอีกหลังจากนำกำไรการขายหุ้น BMCL ไปลดภาระหนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้บริษัทยืนยันว่าจะไม่เพิ่มทุน รวมทั้งไม่มีแผนจะขายหุ้นบริษัทย่อยหรือบริษัทลูกออกไปอีก แต่จะมีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ปีละประมาณ 3-4 พันล้านบาทเพื่อบริหารต้นทุนการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ย 5% เมื่อออกหุ้นกู้คาดว่าต้นทุนจะลดลง โดยกลางปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ 3-4 พันล้านบาท เพื่อนำไปทดแทนเงินกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนก.ค.56 จำนวน 1 พันล้านบาท และเดือนต.ค.56 จำนวน 2 พันล้านบาท ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะเดียวกันคาดว่าอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจะปรับดีขึ้น หลังจากอัตราส่วนหนี้สิ้นลดลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ BBB+ จากเดิม BBB
นอกจากนี้ นายปลิว คาดว่า BMCL จะมีกำไรในอีก 2 ปี ข้างหน้าจากที่สายสีม่วง และส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินกำลังก่อสร้างอยู่ และจะกระโดดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในอีก 3-4 ปี
"ที่ผ่านมา รัฐบาลก่อสร้างขยายเส้นทางล่าช้า 6-7 ปี ทำให้จำนวนผู้โดยสารปรับขึ้นน้อย แต่ปีนี้รายได้ BMCL จะดีขึ้น โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารเติบโต 10%"นายปลิว กล่าว