หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ลบ 62 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 14,756 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 1,589 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 1 จุด หรือไม่ถึง 0.1% แตะที่ 3,306 จุด
หุ้นสหรัฐเปิดตลาดในแดนลบ หลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐได้เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกซึ่งลดลงมาอยู่ที่ 49 ในเดือนเม.ย.ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์และตัวเลขเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในกลุ่มผู้ผลิตแถบมิดเวสต์ ซึ่งสะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังเปราะบาง
ด้านสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานในวันนี้ว่า อัตราว่างงานยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นแตะ 12.1% ในเดือนมี.ค. จาก 12.0% ในเดือนก.พ. ซึ่งอัตราว่างงานล่าสุดนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มีการจัดทำข้อมูลสถิติในปี 2538
ขณะเดียวกันในวันนี้ ยูโรสแตทยังได้เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อรายปีในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศ ลดลงสู่ระดับ 1.2% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 1.7% ในเดือนก่อนหน้า
อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2553 และอยู่ต่ำกว่าเพดาน 2% ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มาตั้งแต่เดือนก.พ.2556
ในส่วนของหุ้นรายบริษัทนั้น ไฟเซอร์ ผู้ผลิตยางรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานกำไรสุทธิที่ 2.75 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 54% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทลดลง 9% แตะ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ไฟเซอร์ยังได้ปรับลดการคาดการณ์แนวโน้มสำหรับปี 2556 ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทร่วง 2.23% ในการซื้อขายภาคเช้าวันนี้
หุ้นแมคกรอว์-ฮิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ รายงานผลกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่งผลให้หุ้นแมคกรอว์-ฮิลล์ บวก 1.10%
ทั้งนี้ นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการแล้ว นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐเป็นเวลา 2 วันซึ่งเริ่มต้นในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า เฟดจะยังคงนโยบายแบบผ่อนคลายอย่างที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันต่อไป เมื่อพิจารณาจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกที่ต่ำเกินคาด และตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวแบบกระท่อนกระแท่น