สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีเอ็ม (KFI3MCM) จะเข้าลงทุนในเบื้องต้น ได้แก่ ตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ที่ BBB+ และ BBB ตามลำดับ ร่วมด้วยเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) และตราสารหนี้ ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) (A+(tha)/Fitch)
ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอเอฟ (KFF6MAF) จะลงทุนในตราสารหนี้ของ 3 สถาบันการเงินในประเทศบราซิล ประกอบด้วย Itau Unibanco S.A., Banco BTG Pactual S.A. และ Banco ABC Brasil S.A. ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ BBB+, BBB- และ BBB- ตามลำดับ ส่วนที่เหลือจะลงทุนใน Commercial paper ที่รับประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย (BBB/Fitch) เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch)
ในส่วนของกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีอาร์ (KFF1YBR) นอกจากจะลงทุนในตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล ร่วมด้วย Commercial paper ที่รับประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊าเช่นเดียวกันกับกองทุน KFF6MAF แล้ว กองทุนดังกล่าวจะลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Banco Santander S.A., ประเทศบราซิล (BBB/Fitch) พร้อมด้วยเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ (A/Fitch) เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจขึ้นด้วย
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ. กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีเอฟ (KPPTF3MCF) โอกาสรับผลตอบแทน 2.60% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 80% ในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารทิสโก้ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแหล่งพักเงินที่มีความเสี่ยงได้ต่ำมากอีกด้วย