อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมถึงความกังวลในด้านต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบันด้วย
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต“Stable"หรือ“คงที่"สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งได้แม้ต้นทุนค่าก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นและการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ แม้จะมีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษากระแสเงินสดและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
SPALI เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2556 ตระกูลตั้งมติธรรมซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 28% ณ เดือนมีนาคม 2556 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัย 78 โครงการด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือประมาณ 21,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากอีกประมาณ 32,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3 เท่าของฐานรายได้ โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556
ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็น 60% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด และโครงการบ้านจัดสรรอีก 40% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้
ยอดขายของบริษัทในปี 2555 เท่ากับ 22,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จาก 18,026 ล้านบาทในปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี 2555 โดยเกือบทุกโครงการมียอดขายมากกว่า 80% ณ เดือนมีนาคม 2556 ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 33% เป็น 17,122 ล้านบาทในปี 2555 ยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรเท่ากับ 5,320 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 5,136 ล้านบาทในปี 2554 ยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2556 ลดลง 27% เป็น 3,583 ล้านบาท จาก 4,921 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2555 ยอดขายที่ลดลงเป็นผลมาจากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลงมากถึง 49% เป็น 1,864 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากบริษัทยังไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงเวลาดังกล่าว
รายได้ของบริษัทเท่ากับ 11,513 ล้านบาทในปี 2555 ลดลงเล็กน้อยจาก 12,686 ล้านบาทในปี 2554 โดยรายได้จากคอนโดมิเนียมลดลง 29% เป็น 5,696 ล้านบาทในปี 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมที่ลดน้อยลง รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรเท่ากับ 5,564 ล้านบาทในปี 2555 เติบโต 25% จาก 4,463 ล้านบาทในปี 2554 สำหรับรายได้ในปี 2556 นั้นได้รับแรงหนุนบางส่วนจากยอดขายที่รอส่งมอบจำนวน 7,656 ล้านบาท บริษัทยังมียอดขายที่รอส่งมอบและรับรู้รายได้ในปี 2557 และปี 2558 อีกประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปี
อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 32%-35% ในช่วงปี 2553-2555 โดยอัตรากำไรดังกล่าวยังคงสูงกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กระแสเงินสดของบริษัทยังคงแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 50%-54% ในช่วงปี 2553-2555 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 30.36% ณ เดือนธันวาคม 2555