ทั้งนี้มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจจะไปกระทบด้านตลาดเงินมากกว่า ขณะที่ในตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นประเทศแรกๆ ที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
ด้านนายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากปัจจุบันการลงทุนยังคงอยู่ในภาวะปกติ
สำหรับ ปัจจัยที่อาจจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้คือ ปัญหาทางการเมืองที่ปัจจุบันยังมีไม่มีความแน่นอนในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันนักลงทุนควรมีความระมัดระวังเรื่องฟองสบู่ของเศรษฐกิจโดยรวมที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ส่วนอัตราดอกเบี้ยในประเทศ มองว่า อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมแล้ว โดยมองว่าการปรับลดลงเล็กน้อยก็จะไม่ส่งผลต่อค่าเงินบาท ทั้งนี้มองว่าการที่จะแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทนั้นจะต้องมีการใช้ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายทางการเงินร่วมกัน จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาเงินบาทได้
“เราเชื่อว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้มีการเตรียมมาตรการต่างเพื่อรับมือกับสถานการดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งจะเหลือเพียงเวลาที่เหมาะสมในการจะใช้มาตรการเท่านั้น"นายจงรัก กล่าว
สำหรับ ในปีนี้คาดว่า SET Index จะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด หลังจากที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับ sentiment ของการลงทุนในเวลานั้นๆ ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งดัชนีอาจจะปรับขึ้น/ลง ได้ประมาณ 100 จุด นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน จะเติบโต 15-20% ซึ่งหากว่าในช่วงปลายปีนี้ มีการประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียน แล้วยังมีการเติบโตที่ใกล้เคียง 15-20 % อยู่ก็อาจจะส่งผลให้หุ้นปรับตัวขึ้นไปเกินกว่าที่คาดการไว้
นายจงรัก เปิดเผยต่อว่า ปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 3-4 กอง โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1-2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะนำ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เข้าเป็นกองแรก