(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 142.38 จุด หลังข้อมูลจ้างงานสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 6, 2013 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์สามารถแตะระดับ 15,000 จุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเหนือระดับ 1,600 เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานที่ดีเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 142.38 จุด หรือ 0.96% ปิดที่ 14,973.96 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 เป็นครั้งแรก มาปิดที่ 1,614.42 เพิ่มขึ้น 16.83 จุด หรือ 1.05% ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 38.01 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 3,378.63 จุด

สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.78% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.03% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.03%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 7.5% จากระดับ 7.6% ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551

นอกจากนี้ อัตราการจ้างงานเดือนก่อนหน้านี้ยังได้รับการปรับทบทวนขึ้นมาเป็น 138,000 ตำแหน่ง เทียบกับรายงานเบื้องต้นที่ 88,000 ตำแหน่ง

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นทุกกลุ่มให้เดินหน้าขึ้น ตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิตไปจนถึงบริษัทในอุตสาหกรรมการบริการ และยังดันดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 15,000 ได้อยู่ช่วงหนึ่งในระหว่างวัน ขณะที่ดัชนี S&P 500 ก็สามารถปิดที่เหนือระดับ 1,600 ได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่งทำสถิติระดับปิดสูงสุดไปเมื่อวันพฤหัสบดี ภายหลังจากที่มีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

รายงานผลประกอบการภาคเอกชน และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจากธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนแรงซื้อในตลาดเช่นกัน

หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป พุ่ง 5.67% แตะ 44.52 ดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี บริษัทประกันชั้นนำได้รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้

ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมวันพฤหัสบดี ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ประกาศว่าธนาคารจะยังคงดำเนินนโยบายกระตุ้นต่อไป ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายระยะเวลา 2 วันเมื่อวันพุธ

ปัจจัยบวกต่างๆข้างต้นได้ช่วยชดเชยข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่เป็นลบ โดยเมื่อวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการลดลงแตะที่ 53.1 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 54.4 ในเดือนมี.ค. นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนมี.ค.ร่วงลง 4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก่อนหน้า โดยยอดสั่งซื้อเดือนล่าสุดถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ