ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 15% หรือเพิ่มเป็นกว่า 1,250 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,080 ล้านบาท
"มั่นใจยอดขายในปีนี้ไม่ตก ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้น 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท หรือ ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น มองว่าออเดอร์จะไม่ลดลง ซึ่งทิศทางการตลาดคาดว่าจะเติบโตขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 15% เนื่องจากเรามีการเซ็นสัญญากับดูไบแล้ว ก็มียอดคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามา ส่วนส่งออกไปญี่ปุ่นเองก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งบริษัทฯจะเดินทางไปฟิลิปปินส์ วันที่ 21-23 พ.ค.นี้ หลังจากนั้นในวันที่ 28 พ.ค. บริษัทจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเจรจาขายสินค้า ซึ่งที่เกาหลีใต้การเจรจาคืบหน้าไป 50-60% แล้ว" นายอารักษ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/56 คาดว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศทั้งจากฐานลูกค้าเดิมในญี่ปุ่นและตะวันออกกลางที่เพิ่มออเดอร์เข้ามาและตลาดในประเทศที่เตรียมจะขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วประเทศมากขึ้น โดยใช้แบรน์ Costa ในการรุกตลาด
สัดส่วนรายได้ปัจจุบันเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยบริษัทฯได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อต้นทุนราว 1-2% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการนำเข้าสินค้าทำให้สามารถชดเชยได้ อีกทั้งมีการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ส่วนหนึ่งด้วย
นายอารักษ์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขยายกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาติเคิลบอร์ด โดยใช้เงินทุนพัฒนาเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งจะใช้งบลงทุนพัฒนาต่อเนื่อง 2-3 ปี (56-58) รวมประมาณ 300 ล้านบาท งบลงทุนก้อนแรก 65 ล้านบาทได้จากการขายหุ้น IPO จากการที่บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการติดตั้งเครื่องจักรไปบางส่วนแล้ว คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 2/56 รวมถึงเครื่องจักรใหม่ที่จะนำเข้ามาประมาณไตรมาส 3/56 และจะเริ่มเดินสายพานการผลิตได้ในไตรมาส 4/56 ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ขึ้นอีก 30% พร้อมกันนี้บริษัทมีนโยบายที่จะลดต้นทุนด้านแรงงานลงอีกด้วย หลังจากมีการนำเข้าเครื่องจักรเสร็จสิ้น ซึ่งจะลดพนักงานจาก 1,600 คน เหลือ 800 คน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท/วัน
นายอารักษ์ เปิดเผยอีกว่า คณะกรรมการบริษัทจะมีการประชุมในวันที่ 9 พ.ค.เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากปี 55 บริษัทมีรายได้รวม 1,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่มีรายได้รวม 995 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30.23 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสะสมจากต้นปีถึงสิ้นปี 55 อยู่จำนวน 44 ล้านบาท โดยบริษัทมีนโยบายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ