ECF เจรจาลูกค้าฟิลิปปินส์-เกาหลีใต้พร้อม AEC หลังได้ออร์เดอร์ ตอ.กลาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 7, 2013 10:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ โดยได้มีการสำรวจตลาดและเจรจากับลูกค้าในเกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) เพื่อทำสัญญาขายเฟอร์นิเจอร์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ หลังจากบริษัทได้ลงนามในสัญญาขายเฟอร์นิเจอร์ให้กับลูกค้าในดูไบเมื่อปลายเดือน เม.ย.56 ที่ผ่านมา มูลค่ารวมประมาณ 120 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 15% หรือเพิ่มเป็นกว่า 1,250 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,080 ล้านบาท

"มั่นใจยอดขายในปีนี้ไม่ตก ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้น 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท หรือ ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น มองว่าออเดอร์จะไม่ลดลง ซึ่งทิศทางการตลาดคาดว่าจะเติบโตขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 15% เนื่องจากเรามีการเซ็นสัญญากับดูไบแล้ว ก็มียอดคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามา ส่วนส่งออกไปญี่ปุ่นเองก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งบริษัทฯจะเดินทางไปฟิลิปปินส์ วันที่ 21-23 พ.ค.นี้ หลังจากนั้นในวันที่ 28 พ.ค. บริษัทจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเจรจาขายสินค้า ซึ่งที่เกาหลีใต้การเจรจาคืบหน้าไป 50-60% แล้ว" นายอารักษ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/56 คาดว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศทั้งจากฐานลูกค้าเดิมในญี่ปุ่นและตะวันออกกลางที่เพิ่มออเดอร์เข้ามาและตลาดในประเทศที่เตรียมจะขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วประเทศมากขึ้น โดยใช้แบรน์ Costa ในการรุกตลาด

สัดส่วนรายได้ปัจจุบันเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยบริษัทฯได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อต้นทุนราว 1-2% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการนำเข้าสินค้าทำให้สามารถชดเชยได้ อีกทั้งมีการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ส่วนหนึ่งด้วย

นายอารักษ์ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขยายกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาติเคิลบอร์ด โดยใช้เงินทุนพัฒนาเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งจะใช้งบลงทุนพัฒนาต่อเนื่อง 2-3 ปี (56-58) รวมประมาณ 300 ล้านบาท งบลงทุนก้อนแรก 65 ล้านบาทได้จากการขายหุ้น IPO จากการที่บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการติดตั้งเครื่องจักรไปบางส่วนแล้ว คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 2/56 รวมถึงเครื่องจักรใหม่ที่จะนำเข้ามาประมาณไตรมาส 3/56 และจะเริ่มเดินสายพานการผลิตได้ในไตรมาส 4/56 ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเฟอร์นิเจอร์ขึ้นอีก 30% พร้อมกันนี้บริษัทมีนโยบายที่จะลดต้นทุนด้านแรงงานลงอีกด้วย หลังจากมีการนำเข้าเครื่องจักรเสร็จสิ้น ซึ่งจะลดพนักงานจาก 1,600 คน เหลือ 800 คน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท/วัน

นายอารักษ์ เปิดเผยอีกว่า คณะกรรมการบริษัทจะมีการประชุมในวันที่ 9 พ.ค.เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากปี 55 บริษัทมีรายได้รวม 1,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่มีรายได้รวม 995 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30.23 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสะสมจากต้นปีถึงสิ้นปี 55 อยู่จำนวน 44 ล้านบาท โดยบริษัทมีนโยบายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ