สาเหตุที่คาดว่ากำไรปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทเน้นขายสินค้าที่มีมาร์จินสูง (hi-end) คิดเป็นสัดส่วน 80% ของรายได้รวม ขณะเดียวกันถ้าเงินบาททรงตัวแข็งค่าอยู่ในระดับนี้ ราว 28 บาท เมื่อถึงสิ้นปีนี้บริษัทก็จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเป็นส่วนเพิ่ม เพราะบริษัททำป้องกันความเสี่ยงไว้ที่ 30 บาท จะมีส่วนต่าง 2 บาท
"ปีนี้จะไม่มีตัวไหนฉุด ไตรมาส 1 ดี ไตรมาส 2-3-4 ยังไม่เห็นสัญญาณปัญหาอะไร ไม่ได้กังวลเศรษฐกิจโลก ยุโรปที่เป็นตลาดส่งออกเน้นสินค้าคุณภาพ ราคาก็ดีขึ้น ไปแข่งกันคนอื่นก็ไม่น่ามีปัญหา แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2 กระจายตัวดีทุกตัว โตในทุกภาคอุตฯ" นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 56 ไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่จ่าย 70% ของกำไรสุทธิ
"คาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้เยอะ เพราะมีเงินสดเหลือ 10,000 กว่าล้านบาท ยังไม่รวมหากเงินบาทแข็งค่า ก็จะมีกำไรจาก FX เข้ามาอีก" นายอนุสรณ์ กล่าว
สำหรับปีนี้เตรียมงบลงทุนปกติที่ 500-800 ล้านบาท สำหรับซื้อเครื่องมือ เครื่องจักร เพื่ออัพเกรดเทคโนโลยี เพราะเชื่อว่าในอนาคตจะขาดแรงงาน จึงจะเน้นให้การผลิตใช้เครื่องมือเครื่องจักรมากขึ้น
ส่วนการขยายตลาดปีนี้รุกอาเซียนมากขึ้นหลังจากเรามีตลาดมียุโรป อินเดีย บราซิล นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย โดยเฉพาะตลาดอินเดีย และบราซิลหลังจากแก้ปัญหาต่างๆ แล้วความสามารถในการทำกำไรก็ดีขึ้น
ปีนี้จะเน้นขายสินค้าประเภท Winter buy ที่ใช้กับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ตอนนี้กำลังมีความต้องการโดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งสินค้าตัวนี้กำไรดีมาก โดยตั้งเป้าใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้ 10% ของรายได้รวม จากปีนี้ที่เพิ่งเริ่มต้น
"ปีนี้ปิดความเสี่ยงไว้หมดแล้ว เงินบาทไม่มีปัญหา ปรับเรื่องเก็บเงินกับลูกค้า เน้นขายสินค้าเงินสด หลังผ่านวิกฤตยุโรปมาแล้วเราก็แก้เกมในจุดต่างๆ ได้ วัตถุดิบก็ secure ปัญหาภายในบริษัทแก้ได้หมดแล้ว ยกเว้นจะมีอะไรที่เซอร์ไพร์สจากภายนอก" นายอนุสรณ์ กล่าว