ราคาตั้งต้นในการประมูลช่องวาไรตี้ความละเอียดสูง(HD) เริ่มที่ช่องละ 1,510 ล้านบาท เปิดประมูล 7 ช่อง, ช่องวาไรตี้ความละเอียดมาตรฐาน(SD) เริ่มต้นที่ช่องละ 380 ล้านบาท เปิดประมูล 7 ช่อง, ช่องข่าวสาระ เริ่มต้นที่ช่องละ 220 ล้านบาท เปิดประมูล 7 ช่อง และ ช่องรายการเด็กและเยาวชน เริ่มต้นช่องละ 140 ล้านบาท เปิดประมูล 3 ช่อง
“บอร์ดได้เลือกราคาขั้นต่ำที่ยอมรับได้ โดยเลือกจากราคาที่ทีมวิจัยคำนวณจากจำนวนผู้เข้าประมูลที่เท่ากับจำนวนช่องที่เปิดประมูล เพื่อไม่ให้มีปัญหาเวลาเปิดประมูลแล้วมีคนเข้าประมูลเท่ากับจำนวนช่องที่เปิดประมูล"ประธาน กสท.กล่าว
ส่วนวิธีการประมูลจะมีการพิจารณาในการประชุม กสท.ครั้งหน้า เมื่อได้ข้อยุติแล้วจะนำราคาตั้งต้นและวิธีการประมูลเหล่านี้บรรจุไว้ในร่างหลักเกณฑ์การประมูลทีวีดิจิทัลช่องบริการธุรกิจ แล้วนำเข้าที่ประชุม กสท.ก่อนจะนำเสนอให้ กสทช.พิจารณาแล้วเข้าสู่กระบวนการประชาพิจารณ์ เพื่อให้แก้ไขก่อนเสนอกลับเข้ากสทช.พิจารณาอีกครั้งก่อนนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
“คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วหลังจากนั้นไม่เกิน 2 เดือนจะเริ่มประกวดการประมูล ดังนั้นไม่เกิน ส.ค.56 น่าจะเริ่มประมูลได้"พ.อ.นที กล่าว
ทั้งนี้ มูลค่าจากการประมูลช่องบริการธุรกิจจำนวน 24 ช่อง เมื่อหารเฉลี่ยครัวเรือนในประเทศไทย 22 ล้านครัวเรือน แต่ละครอบครัวจะได้รับคูปองส่วนลด 690 บาท สำหรับซื้อกล่องแปลงสัญญาณ(set-top-box)หรือเครื่องรับโทรทัศน์ที่สามารถรับชมทีวีดิจิทัลได้
“ในเบื้องต้นแต่ละครัวเรือนจะได้คูปองส่วนลด 690 บาท ซึ่งประชาชนคงต้องออกเงินเองส่วนหนึ่งเพื่อนำมาซื้อ set-top-box ด้วย แต่เมื่อกระบวนการประมูลสิ้นสุดแล้ว ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ ของ กสทช.อาจจะมีการพิจารณาให้การสนับสนุนเพิ่มเติมก็ได้" พ.อ.นที กล่าว