สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB145B (รุ่นอายุ 4.1 ปี, 2.0 ปี และ 1.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 17,352 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ หุ้นกู้ของ
1. บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT138A) มูลค่า 292 ล้านบาท
2. บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU184A) มูลค่า 178 ล้านบาท
3. บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS136A) มูลค่า 175 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 644 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มียอดซื้อสุทธิ สูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซื้อสุทธิ 25,465 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,486 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ มูลค่า 7,913 ล้านบาท
Yield Curve ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1 — 4 basis point (100 basis point เท่ากับ 1%) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้า เพื่อชะลอปัญหา Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเพิ่มเติมว่าพร้อมจะทำการลดดอกเบี้ยลงอีกหากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปยังไม่ดีขึ้น สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อในตราสารหนี้ทุกช่วงอายุ หรือมียอดซื้อสุทธิเท่ากับ 7,913 ล้านบาท