โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้วกว่า 7.62 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.พ.56 ซึ่งแนวโน้มที่ backlog จะเพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้คงไม่มีปัญหา เพราะขณะนี้มีงานที่เสนอเข้ามาให้บริษัทพิจารณากว่า 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่งผลให้บริษัทสามารถเลือกรับงานขนาดใหญ่ที่ให้อัตรากำไรที่ดีได้ด้วย
“ปัจจุบันผู้รับเหมาไม่พอเนื่องจากโครงการต่างๆ ออกมามากมายทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้มีการแย่งผู้รับเหมากัน เราจึงมองว่าธุรกิจรับเหมาก็ยังจะเติบโตได้ดีมากในปีนี้"นายชัยรัตน์ กล่าว
บริษัทยังมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีกำหนดรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า The Tempo รัชดาภิเษกและติวานนท์ โดยบริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด มียอดขายในมือรอรับรู้รายได้ ณ วันที่ 15 ก.พ.56 จำนวน 650 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ซึ่งในปีนี้สัดส่วนรายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่งผลดีต่อภาพรวมกำไรสุทธิของบริษัททั้งในปีนี้และในอนาคต
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในไตรมาส 3-4/56 จะเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท มูลค่าโครงการประมาณ 2 พันล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าตามคอนเส็ปต์ The Tempo ย่านฝั่งธน หลังจากที่เข้าซื้อที่ดินมาเตรียมไว้แล้ว ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า และบริษัทกำลังมองหาที่ดินเพื่อสร้างโครงการบ้านเดี่ยวที่สามารถรับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 57
นอกจากนั้น ในอนาคตบริษัทยังสนใจที่จะพัฒนาโครงการอาคารสำนักงาน เพราะมองว่าพื้นที่อาคารสำนักงานใจกลางเมืองยังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะหากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 น่าจะมีต่างชาติเข้ามาเปิดกิจการในไทยเพิ่มขึ้น และจะทำให้ความต้องการเช่าพื้นที่สูงขึ้นอีก แต่คงต้องรอดูจังหวะและทำเลที่เหมาะสมก่อน
"ตลาดคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ายังมีความต้องการอีกมาก รวมถึงหากมีการเปิด AEC ต่างชาติที่เข้ามาคงไม่มองหาบ้านเดี่ยว แต่คงต้องหาสำนักงาน และพักอาศัยในคอนโดฯ น่าจะทำให้ความต้องการอาคารสูงและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอีก จึงไม่กังวลว่าจะเกิดภาวะคอนโดฯล้นตลาด"นายชัยรัตน์ กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า จากการที่บริษัทยังมองหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องเตรียมพร้อมทางเลือกในการระดมทุนเผื่อไว้ แม้ว่าจะมีเงินสดในมือในระดับสูง และมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกมาใช้อีกกว่า 500 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้รับอนุมัติแผนออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป(PO) หรือเสนอขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP) ราว 23 ล้านหุ้น แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน เพราะจะต้องพิจารณาตามความจำเป็น โดยเฉพาะหากต้องซื้อที่ดินทำเลสวยเข้ามาเพิ่ม
"จริง ๆ เรายังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เราจะไม่เพิ่มทุนก็ได้ แต่การเติบโตก็จะช้าหน่อย ถ้าเรามีเพิ่มทุนก็จะทำให้เราแข็งแรงและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง...เราจะมองเรื่องเงินทุนเพิ่มก็ต่อเมื่อมีที่ดินทำเลสวยที่น่าซื้อ และสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนในราคาที่ดี"นายชัยรัตน์ กล่าว
บริษัทยังมีทางเลือกที่จะระดมทุนผ่าน บริษัท บิลท์แลนด์ จำกัด หลังจากที่แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในเดือน พ.ค.56 และบริษัทจะใส่เงินเพิ่มทุนให้บิลท์แลนด์อีกราว 100 ล้านบาทเพื่อให้ทุนจดทะเบียนได้ตามเกณฑ์ที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้ แต่มองว่าอย่างเร็วอาจจะสามารถนำเข้าตลาดหุ้นได้ในปีหน้า หลังจากเปิดตัวโครงการใหญ่หากทำยอดขายได้ดี