ทั้งนี้ IRPC มีโรงงานสไตรีนแล้วแห่งหนึ่ง กำลังการผลิต 2 แสนตันต่อปี และอยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 6 หมื่นตัน/ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ก.ย.56 ส่วนโรงงานที่ก่อสร้างเพื่อส่งสไตรีนให้กับโรงงาน ABS โรงที่ 2 ที่ขณะนี้เสร็จแล้วอยู่ระหว่างทดลองเดินเครื่อง โดยจะเริ่มเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์ในเดือน พ.ค.นี้ กำลังการผลิต 6 หมื่นตัน/ปี
นอกจากนั้น ภายใต้ความร่วมมือกับ PTTGC ยังศึกษาร่วมกันในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์โพลียูริเทน เนื่องจากปัจจุบัน PTTGC มีการผลิตโพลีโพรพิลีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้นทางของโพลียูริเทน และกำลังจะทำโพลียูริเทรนเพิ่ม ในขณะที่ IRPC มีการผลิตโพลีออล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลางน้ำ ทำให้ต้องซื้อโพรพิลีนออกไซด์ มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ดังนั้น ความร่วมมือกันในการศึกษาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์ในสายนี้ก็จะทำให้เห็นว่าทั้งสองบริษัทควรจะมีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ตัวไหนเพิ่มเติม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งสองบริษัท
นายอธิคม คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/56 จะไม่ขาดทุน แม้ว่าไตรมาส 1/56 กำไรจะลดลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบเริ่มขยับตัวสูงขึ้น และคาดว่าราคาเฉลี่ยน่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่อยู่ในระดับ 105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะนี้ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 101 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ในภาพรวมของผลประกอบการในไตรมาส 2/56 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/56 ที่มีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/56 บริษัทมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมาก และคาดว่าในไตรมาส 2/56 อาจจะขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันลดลง หรือไม่ขาดทุนเลย เพราะราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้นแล้ว และบางช่วงมีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันด้วย