"หุ้นไทยจะไป 1700-1800 จุด โดยที่ตลาดอื่นไม่ขยับตามไม่ได้ ต้องไปด้วยกันล่าสุดตลาดหุ้นไทย P/E 14 เท่า เทียบฟิลิปปินส์ 18.8 เท่า อินโดฯ 13.7 เท่า มาเลย์ 14.9 เท่า สิงคโปร์ 13.85 เท่า ถือว่าตลาดหุ้นเราไม่ถูกแล้วแต่ก็ไม่ได้แพงกว่าตลาดหุ้นอื่นในอาซียน ขณะที่เซียงไฮ้ 8.5 เท่า อินเดีย 12-13 เท่า ฮั่งเส็ง 10 เท่า ไต้หวัน 13 เท่า เกาหลี 8.7 เท่า ดาวโจนส์ 12.5 เท่า ซึ่งนักลงทุนควรมีมุมมองที่กว้างในการรับข้อมูลให้ครบถ้วน"นายมนตรี กล่าวในงานสัมมนาพิเศษเรื่อง "จับจังหวะทำกำไร ช่วงหุ้นไทยโอเวอร์ฮีต"
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาที่ 28-29 บาท/ดอลลาร์ ไม่น่ากังวล ไม่ได้แปลว่าเกิดวิกฤต เพราะปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่ทุนสำรองมีอยู่ถึง 1.8 แสนล้านเหรียญฯ สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ได้ฝืดเคือง ถ้าค่าเงินจะต้องแข็งค่าขึ้นอีกก็ไม่น่ากลัว ขณะที่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นถ้าเงินบาทแข็งก็จะได้ 2 เด้ง เป็นจังหวะที่สนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
“ขณะนี้สัญญาณตลาดหุ้นยังดีเพราะมาตรการพิมพ์เงินของประเทศอื่นๆ ส่งผลให้เงินเอเชียแข็ง เป็นจังหวะน่าสนใจที่จะลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารรร่วม บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าว
นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ตลาดหุ้นไทย P/E อยู่ที่ 14-15 เท่าเทียบกับอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลลิปินส์ ที่ P/E อยู่ที่ 15 เท่ากว่า ถือว่าหุ้นไทยถูกกว่า
ในไตรมาสแรกปี 56 มีจำนวนนักลงทุนที่เปิดบัญชีใหม่ 3 หมื่นกว่าบัญชี จากสิ้นปี 55 มีบัญชีเปิดใหม่ 8 หมื่นบัญชี โดยนักลงทุนที่เปิดบัญชีใหม่ส่วนใหญ่เข้าซื้อหุ้นขนาดเล็ก หรืออยู่ใน SET 100 ลำดับที่ 51-100 จากเดิมส่วนใหญ่จะเทรดที่ SET50 ในช่วงไตรมาส 1/56 ปริมาณการซื้อขายใน SET50 ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณซื้อขายกลับไปเพิ่มในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 5.8- 6.0 หมื่นล้านบาท/วันในไตรมาส 1/56 เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีก่อนที่มีปริมาณการเซื้อขายเฉลี่ย 3 หมื่นล้านบาท/วัน และพบว่าปริมาณที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นมาจากการซื้อขายหุ้น SET ที่มีลำดับที่ 100-200
อย่างไรก็ตาม หลังจบไตรมาส 1 /56 นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งมีการใช้วิจารณญาณในการลงทุนมากขึ้น ทำให้ไนไตรมาส 2 การลงทุนในหุ้นลำดับ 100-200 เริ่มแผ่ว
"ตลาดหุ้นไทยยังเทรดดิสเคาน์อยู่ แต่สิ่งที่จะทำให้สะดุดมากที่สุดคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง" นางเกศรา กล่าว