นายคาลิต มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรีเซียสชิปปิ้ง(PSL) กล่าวว่า ช่วงต้นปีนี้สถานการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมเดินเรือเทกองปรับตัวดีขึ้นมาบ้างแล้ว จากการเริ่มกลับมาของความต้องการใช้แร่เหล็กของตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น ปรับตัวดีขึ้น แต่ในยุโรปยังอยู่ในช่วงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก
บริษัทฯ คาดการว่าตลาดเรือเทกองจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 57 เนื่องจากมองว่าจำนวนเรือของตลาดจะปรับตัวเข้าสู่จุด สมดุลกับความต้องการในตลาด ในขณะเดียวกันไตรมาส 2/56 คาดการว่าค่าดัชนี BDI จะเติบโตมากกว่าไตรมาส 1/56 เล็กหลังจากความต้องการใช้ใช้เรือเทกองที่เพิ่มมากขึ้น จากความต้องการใช้แร่เหล็กในประเทศ จีน อินเดีย ที่เติบโตขึ้น
ในขณะเดียวกันบริษัทฯก็ยังมองหาโอกาสเพิ่มกองเรือ โดยเฉพาะในการซื้อเรือมือสอง ซึ่งจะต้องขึ้นกับคุณภาพ ขนาด รวมถึงราคาที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันราคาเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงลำละ 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่บริษัทยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ราคาเรือได้ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ทั้งนี้ การเพิ่มกองเรือจะส่งต่ออายุเฉลี่ยของกองเรือที่ปรับตัวลดลงจากก่อนหน้านี้มีอายุเฉลี่ยประมาณ 11 ปี ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 10 ปี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารกองเรือปรับตัวลดลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามการเพิ่มจำนวนกองเรือ
"การทดแทนเรือเก่าด้วยเรือใหม่กว่า ทันสมัยกว่า ประหยัดกว่า และใหญ่กว่า ได้เริ่มขึ้นด้วยการขายเรืออายุมากจำนวน 35 ลำ แผนการนี้มีความก้าวหน้าไปมาก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่เรารอมานาน และหากแผนปรับลดอายุกองเรือประสบความสำเร็จ จะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯอย่างยั่งยืน" นายคาลิต กล่าว
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/56 บริษัทฯจะมีการเจรจาเพื่อที่จะขายสัญญาต่อเรือคืน 2 ลำหลังจากที่ไม่สามารถส่งเรือให้กับบริษัทได้ แต่บริษัทยังคงเป้าหมายที่จะเพิ่มกองเรือให้ถึง 60 ลำภายในปี 58 จากปัจจุบันมีเรืออยู่ 39 ลำ และในช่วงปลายเดือน พ.ค.56 บริษัทจะได้รับเรือเพิ่มอีก 1 ลำ ทำให้มีกองเรือทั้งหมด 40 ลำ