นอกจากนี้ บริษัทฯและสหการวิศวกร มีแผนจะเข้าประมูลงานขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานก่อสร้างสาธารณูปโภคภาครัฐ โดยจะร่วมกับพันธมิตรระดับท็อปไฟว์จากต่างประเทศ อาทิ พันธมิตรจากเกาหลีที่เข้าไปประมูลงานที่เกี่ยวกับระบบราง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลภายในไตรมาส 3/56 นี้ รวมถึงบริษัทฯ มีแผนจะร่วมกับพันธมิตรจากประเทศจีนเข้าประมูลงานในโครงการโปรเจ็คต์พัฒนาระบบขนส่งไทย 2.2 ล้านล้านบาท
"จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐดังกล่าวจะผลักดันให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต"นายสมัย กล่าว
ส่วนงานในต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทร่วมมือกับพันธมิตรด้านปิโตรเคมีชั้นนำเข้าประมูลงานก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีที่ประเทศโอมานมูลค่างานประมาณ 700 ล้านบาท
นายสมัย กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/56 บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการวางท่อก๊าซ โครงการก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี รวมถึงโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ของภาครัฐ จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 56 เติบโตอย่างโดดเด่นแน่นอน
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้ภายในปีนี้ และทั้งปีมั่นใจว่าจะได้รับงานเพิ่มอีก ทำให้มูลค่างานในมือไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับงานในมือที่สูงที่สุด และจะผลักดันให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ ในปีนี้เติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 5-10% จากปี 55 ที่รายได้รวมอยู่ที่ 4,344 ล้านบาท
“มั่นใจว่าภายในปีนี้ Backlog ของกลุ่มทีอาร์ซีจะไม่ต่ำกว่าระดับ 5,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน เพราะ ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านมา Backlog อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท และยังจะเข้าประมูลงานอย่างต่อ เนื่องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งยังมีงานบิ๊กโปรเจ็คที่จะเข้าร่วมประมูลอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการวางท่อก๊าซนครสวรรค์-นครราชสีมา มูลค่าโครงการประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นประมูลงานกับปตท.ในเดือนพฤษภาคมนี้ ภายใต้ร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศจีน ในสัดส่วนการลงทุนของ TRC ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยจะทราบผลประมูลในไตรมาส 4 ของปีนี้ ทำให้คาดว่าในปีนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะมีรายได้อยู่ในระดับ 4,500 — 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตจากปีก่อน ไม่ต่ำกว่า 5-10%"นายสมัย กล่าว