“ล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในสัญญาการซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า ขนาด 250 kVA 22 kVจำนวน 635 ชุด รวมมูลค่า 166,687,500 ล้าน โดยจะทำการส่งมอบภายในไตรมาส 2 ปี 2556 และบริษัท ถิรไทย อี แอนด์ เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทฯ ได้รับมอบสัญญาซื้อขายรถขุดเจาะกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วยเช่นกัน เพื่อใช้ในการขุดเจาะลงเสาเข็มในการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงของ กฟภ. จำนวน 11 คัน มูลค่า 93,148,000 บาท โดยจะทำการส่งมอบภายในไตรมาส 4/56 โดยรวมมูลค่าในสัญญาลงนามทั้ง 2 โครงการ กับ กฟภ. เป็นเงินทั้งสิ้น 259,835,500 บาท" นายสัมพันธ์ กล่าว
สำหรับงานที่มีโครงการจะเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3/56 มีมูลค่ากว่า 5,535 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน 335 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 200 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 1,900 ล้านบาท และ ในส่วนของภาคเอกชน 2,300 ล้านบาท และส่งออก 500 ล้านบาท และ งานประมูลของบริษัทย่อย 300 ล้านบาท บริษัทฯคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25%
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ
ส่วนผลประกอบไตรมาส 1/56 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 36.81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 30.39 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 400.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 216.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 117.45 และมีรายได้จากการบริการ 51.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 140.67
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับการขายร้อยละ 24.40 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 8.67 โดยมีค่าใช้จ่ายในการขาย 28.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.52 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.06 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 66.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.09 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.42