TUF รับไม่มั่นใจอัตรากำไรขั้นต้นปี 56 ได้ตามเป้า เหตุมีผลกระทบวัตถุดิบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 13, 2013 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นาย Wai Yat Paco Lee Financial Controler บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF) คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น)ในปีนี้จะทำได้ไม่ถึงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 16-17% เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาราคาวัตถุดิบทูน่าที่มีความผันผวน ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ โดยราคาทูน่าในปีนี้มีราคาเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2,300 เหรียญ/ตัน จากปีที่แล้วราคาเฉลี่ยที่ 1,900 เหรียญ/ตัน ทำให้ต้นทุนสินค้าผลิตภัณฑ์ทูน่าสูงขึ้น และบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขาย ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อ และส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าผลิตภัณฑ์ทูน่าลดลง เพราะแม้จะปรับขึ้นราคาแต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยต้นทุนทูน่าได้หมด

นอกจากนี้ บริษัทยังประสบปัญหาโรค EMS ในกุ้ง ทำให้วัตถุดิบกุ้งเกิดการขาดแคลน ส่งผลต่อต้นทุนต่อหน่วยของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่บริษัทก็มีแผนในการแก้ปัญหา โดยวางแผนจะนำเข้ากุ้งจากอินเดียและเอกวาดอร์ เพื่อให้การผลิตกุ้งแช่แข็งเพิ่มขึ้น และจะช่วยปรับอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้น

รวมทั้งผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้รายได้ในรูปเงินบาทลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงโดยทำ Hedging แต่ช่วยได้เพียงระยะสั้น ดังนั้นในระยะยาวบริษัทจะหันมาปรับปรุงต้นทุนการบริหารเพื่อชดเชยมาร์จิ้นที่ลดลง

Financial Controler ของ TUF เชื่อว่าในไตรมาส 2/56 ยอดขายจะกลับมาดีกว่าไตรมาส 1/56 ที่มี 2.44 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลส่งออก และสถานการณ์ราคาวัตถุดิบทูน่าเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และคาดว่าจะไม่กลับไปสูงเช่นในไตรมาส 1/56 ส่วนปัญหาโรคกุ้ง ต้องติดตามดูในไตรมาส 3/56 โดยคาดว่าสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งจะเข้าสู่ภาวะปกติ อีกทั้งบริษัทจะนำสินค้าที่เพิ่มมูลค่ามาขายชดเชย ก็จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับดีขึ้น

"ในไตรมาส 2 คาดว่ายอดขายจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1 จากรายได้ของบริษัทที่เป็นไปตามเทรนของอุตสาหกรรม และตอนนี้เรายังหวังราคาทูน่าตัวเลขดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยราคาเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่กลับไปสูงอยู่ที่ 2,300 เหรียญ/ตัน คาดว่าแนวโน้มอาจจะเห็นได้ภายใน 2-3 เดือนจากนี้ ส่วนเรื่องกุ้งในไตรมาส 2 ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมาก โดยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3 แต่ก็ยังไม่ 100% แต่บริษัทก็จะพยายามรักษามาร์จิ้นให้ดีขึ้น โดยนำสินค้าที่ value added มาขายมากขึ้น" นาย Lee กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 56 ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 1.03 แสนล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ