ทริสฯให้เครดิตหุ้นกู้-คงเครดิตองค์กร "กรุงศรี ออโต้"ที่ A+ แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 13, 2013 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บมจ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส (AYCAL) ที่ระดับ “A+" ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+" เช่นกัน ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) โดย BAY ได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" จากทริสเรทติ้ง

AYCAL เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ BAY บรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารพาณิชย์แบบครบวงจร ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมีพื้นฐานมาจากฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และมีผลงานเป็นที่ยอมรับ รวมถึงระบบการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกบั่นทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายกิจการ ผลประกอบการ และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทในอนาคต

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทจะมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของกลุ่ม BAY และบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของผู้บริหารของบริษัทในการรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ด้วย ทั้งนี้

ทริสเรทติ้งคาดว่าปัจจัยเอื้ออำนวยต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก BAY จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดีและปรับปรุงฐานะทางการเงินให้ดีขึ้นได้ในระยะปานกลาง

AYCAL มีฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย BAY ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยบริษัทมียอดลูกหนี้คงค้างทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วน 24% ของยอดสินเชื่อตามงบการเงินรวมของธนาคาร ณ เดือนธันวาคม 2555 ในขณะที่มีรายได้สุทธิสำหรับปี 2555 คิดเป็นสัดส่วน 31% ของรายได้สุทธิตามงบการเงินรวมของธนาคาร การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจาก BAY คาดว่าจะช่วยยกระดับฐานะทางการตลาดในธุรกิจหลักและเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทลูกที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในลำดับต้น ๆ จากธนาคารดังเห็นได้จากเงินให้กู้ยืมที่บริษัทได้รับจากธนาคารในสัดส่วนถึง 60% ของเงินกู้รวมที่ธนาคารให้แก่บริษัทในเครือ ณ เดือนธันวาคม 2555

บริษัทเป็นบริษัทลูกเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของ BAY ภายใต้ชื่อ “กรุงศรี ออโต้" (Krungsri Auto) โดยเป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว และรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันด้วย บริษัทมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในบรรดาผู้ให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ทั้ง 20 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยมียอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรวม 194 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2555 คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 14% นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ที่มียอดคงค้างสินเชื่อ 7 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2555 (เติบโต 27% จาก 5.5 พันล้านบาทในปี 2554)

ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานถึง 20 ปี บริษัทสามารถสร้างคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็งจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งขันและยังคงฐานะความเป็นผู้นำอยู่ได้ บริษัทประยุกต์ใช้รูปแบบการบริหารความเสี่ยงตามแนวปฏิบัติของ BAY ซึ่งได้รับแนวทางมาจาก GECIH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร นอกจากนี้ ทั้งบริษัทและ BAY ต่างก็ได้รับการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทยภายใต้มาตรฐานเดียวกัน การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่ดีและระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพช่วยทำให้บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งหมายถึงสินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไปต่อยอดคงค้างสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยของบริษัทมีสัดส่วนลดลงมาอยู่ในระดับ 1.24% เมื่อสิ้นปี 2555 จากระดับ 1.89% เมื่อสิ้นปี 2554

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2555 หลังจากที่ลดลงเล็กน้อยในปี 2554 เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 รายได้สุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น 4,750 ล้านบาทในปี 2555 จาก 3,150 ล้านบาทในปี 2554 (ซึ่งเกือบจะเท่ากับรายได้สุทธิ 3,103 ล้านบาทในปี 2553) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยจึงเพิ่มขึ้นเป็น 2.68% และ 27.14% ตามลำดับ ในปี 2555 จาก 2.32% และ 22.66% ในปี 2554 เนื่องจากสินเชื่อขยายตัว จึงทำให้อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงเล็กน้อยเป็น 9.80% ณ สิ้นปี 2555 จาก 10.01% ในปี 2554 ส่วนฐานทุนของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าผู้ประกอบการเช่าซื้อรายอื่นที่จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งจาก BAY สร้างความเข้มแข็งด้านสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการการเงินให้แก่บริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ