ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 26.81 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 14, 2013 06:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) โดยตลาดเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆและผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันก่อน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 26.81 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 15,091.68 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.07 จุด ปิดที่ 1,633.77 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 2.21 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 3,438.79 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดาวโจนส์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 15,000 จุด และ S&P พุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,600 จุด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เริ่มกำหนดกลยุทธิ์ในการค่อยๆลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร โดยคณะกรรมการเฟดกำลังหารือกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการชะลอโครงการดังกล่าว

ตลาดได้รับปัจจัยลบมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในเดือนมี.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 1.270 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจยังมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

นักวิเคราะห์จำนวนมากวิตกว่าการปรับขึ้นภาษีเมื่อต้นปีนี้และความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐจะส่งผลให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจชะลอการใช้จ่ายและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยยอดขายในเดือนมี.ค.ที่ลดลงก็ตอกย้ำความกังวลดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนขานรับข้อมูลในด้านบวกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งสวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าตัวเลขจะลดลงต่อเนื่องจากในเดือนมี.ค. โดยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นผิดคาดแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

หุ้นยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KFC และ Pizza hut ร่วงลง 2.05% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในจีนร่วงลง 29% ในเดือนเม.ย. ขณะที่หุ้นมอนซานโต ปรับตัวลง 1.9%

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคานำเข้าจะปรับตัวลดลงราว 0.4-0.5% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าราคาส่งออกจะลดลง 0.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ