UAC เร่งโครงการ CBG ให้เสร็จทันปี 58 หวังดันรายได้เพิ่ม 1,200 ลบ./ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 14, 2013 11:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์(UAC)เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง(Compressed Bio-Methane Gas หรือ CBG ) หลังจากที่บริษัทฯได้รับการส่งเสริมจากกระทรวงพลังงานในการขยายโครงการเพิ่ม แบ่งเป็นโครงการที่บริษัทฯ ลงทุนเอง 10 โครงการ และเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรอีก10 โครงการว่าได้เริ่มบางส่วนแล้ว คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามแผนภายในปี 58 ทั้งนี้หากการลงทุนในโครงการในข้างต้นแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเฉลี่ย 1,200 ล้านบาทต่อปี

ส่วนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม(Petroleum Production Project หรือ PPP) จ.สุโขทัย ในการผลิตก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed natural gas:CNG) นั้น ล่าสุดบริษัทเริ่มทำ commissioning แล้วก่อนเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/56 โดยในปีนี้บริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว ประมาณ 120 -150 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อไตรมาส และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ในปี 57 เฉลี่ยประมาณ 300-350 ล้านบาทต่อปี โครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 20,000 ตันต่อปี แบ่งเป็น CNG 65%, LPG 30% และ NGL 5%

สาเหตุที่บริษัทฯขยายธุรกิจพลังงานทดแทนว่าธุรกิจดังกล่าวยังคงเป็นโอกาสให้กับบริษัทต่อยอดในการขยายรายได้เพิ่มในอนาคต เนื่องจากเชื่อว่า Knowhow และความเชี่ยวชาญของบริษัทสามารถมองหาวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการสนับสนุนของภาครัฐบาลที่เปิดโอกาสให้พลังงานทดแทนเข้ามามีบทบาท ที่จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์ และสามารถต่อยอดธุรกิจได้ง่ายขึ้น

“หากแผนการขยายการลงทุนสำเร็จ จะส่งผลให้ UAC มีอัตราการเติบโตตาม ตั้งเป้าหมายที่วางไว้ว่า ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทฯในปี 58 แตะ 3,000 ล้านบาท โดยจากการปรับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ จากเดิมที่เน้นหนักไปทางเทรดดิ้ง(ธุรกิจหลัก) มาเป็นรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน 60% และอีก 40% จากมาจากธุรกิจหลักเดิม"นายกิตติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประมาณการอัตราการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจะมาจากธุรกิจเทรดดิ้งประมาณ 75% และธุรกิจพลังงาน 25% จากการรับรู้รายได้จากโครงการ PPP ที่ จ.สุโขทัย และโรงงาน CBG ส่วนรายได้จากบริษัทร่วมลงทุนผลิตน้ำประปาเพื่อจำหน่ายแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ร่วมธุรกิจกับ HYDRO คาดว่าจะเข้ามาในปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ