ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยวนั้น บริษัทฯ มีแผนรุกขยายตลาดไปยังต่างประเทศ พร้อมเร่งขยายสาขาร้านอาหารบริการด่วน ‘แซ่บ เอ็กซ์เพรส’ รองรับความต้องการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะเปิดบริการสาขาโซโหได้ในไตรมาส 2 ปีนี้
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองและอาหารทะเลแปรรูปนั้น ที่เป็นสัดส่วนยอดขายหลักของบริษัทฯ ในปัจจุบันนั้น บริษัทมีแผนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายที่สอดรับกระแสรักสุขภาพและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมถึงแผนเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานผลิตลูกชิ้นปลาที่อาศัยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่ช่วยลดต้นทุนแรงงานในภาคการผลิต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ในสิ้นปีนี้/ถึงต้นปีหน้า จะส่งผลดีต่อเพิ่มศักยภาพการขายและการทำตลาด ที่มีผลทำให้ต้นทุนลดลงและผลักดันผลการดำเนินงานภาพรวมในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับสินค้าที่บริษัทส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของยอดขายรวมนั้น ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการขายส่วนใหญ่คิดราคาสินค้าเป็นเงินบาท
นายเจริญ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/56 บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้เป็นไปตามคาดการณ์ในเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 456 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 7.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 425 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 25.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 13% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน การที่ยอดขายไตรมาสที่ 1/56 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ สาเหตุมาจากยอดขายของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ต่ำกว่าประมาณการเพราะมีการชะลอการออกสินค้าใหม่ไปไตรมาสที่ 3
“จากผลงานในช่วงต้นปี และการพัฒนาตลาดของสินค้าเราอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ สามารถเติบโตเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เพราะสิ่งที่ลงทุนไป ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีและบุคลากร จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของเราชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ" นายเจริญกล่าวและว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีปัจจัยที่กระทบกับต้นทุนดำเนินงานคือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น รวมถึงการเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต บริษัทฯ ก็ยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.6% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้"นายเจริญ กล่าว