Forward P/E ratio ของไทยปรับสูงขึ้นตามทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดย SET อยู่ที่ 14.81 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 14.40 เท่าในเดือนก่อนหน้า และของ mai อยู่ที่ 19.65 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 18.65 เท่าในเดือนก่อนหน้า
อัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 2.72% และ mai อยู่ที่ 1.45%
ในเดือน เม.ย.56 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 53,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วง 4 เดือนแรกของปี 56 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวม อยู่ที่ 61,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผู้ลงทุนซื้อขายในกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจการค้า (commerce) และหมวดธนาคารพาณิชย์ (banking) ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 19,830 ล้านบาท และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 11,912 ล้านบาท และในช่วง 4 เดือนแรกของปี 56 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 15,923 ล้านบาท
ด้านการระดมทุน บริษัทจดทะเบียนระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่ารวมถึง 69,610 ล้านบาท เป็นการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) 64,342 ล้านบาท และระดมทุนตลาดรอง 5,268 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) มูลค่า 62,510 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 56 มีมูลค่าการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 95,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 74,321 สัญญา เพิ่มขึ้น 115.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจาก Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 38,178 สัญญา และ 23,341 สัญญา ตามลำดับ สำหรับ USD Futures มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 768 สัญญา ในเดือนก่อนหน้า เป็น 1,218 สัญญา ตามความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในเดือนเม.ย.56 เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการขยายตัวแต่ยังขาดเสถียรภาพ แม้ว่าตัวเลข GDP และอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาจะปรับดีขึ้น แต่ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของจีนและยุโรปมีแนวโน้มอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ตัวเลขดัชนีชี้วัด PMI ของสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ยังชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง