ทั้งนี้ บริษัทคงเป้ารายได้ในปี 56 เติบโต 19% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.15 แสนล้านบาท และ EBITDA เติบโตขึ้น 27% จากปีก่อน โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 4/55 มองว่าเป็นจุดต่ำสุดของบริษัทใน 18 เดือน และตั้งแต่ไตรมาส 1/56 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาเป็น 16 ล้านเหรียญจากไตรมาส 4/55 มีกำไรสุทธิ 5 ล้านเหรียญ ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมาแนวโน้มมาร์จิ้นกลับมาฟื้นตัว
ส่วนปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในธุรกิจอะโรเมติกส์ เชื่อว่าในไตรมาส 2/56 จะหมดไป เนื่องจากปีนี้มีกำลังการผลิตอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้น แม้มีบางโรงงานปิดซ่อมบำรุง ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุน PET ต่ำลงเป็นผลดีต่อบริษัท
นอกจากนี้ โรงงานในไทยที่ร่วมทุนกับผู้ผลิตระดับโลก ผลิตเส้นใย Bicompoent ที่จ.ระยอง คาดแล้วเสร็จไตรมาส 2/58 จะเป็นโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้น ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตเส้นใย Bicompoent ในสหรัฐ จะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 4/57 ซึ่งจะทำให้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3.4 หมื่นเมตริกตัน จาก 2.38 หมื่นเมตริกตัน ซึ่งโครงการดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการลดปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิต และลดต้นทุนในการดำเนินงานของธุรกิจให้ต่ำลง และ เป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยเช่นกันที่ตลาดมีความต้องการใช้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ เงินลงทุนใน 2 โครงการจะอยูภายใต้งบลงทุนรวมของบริษัทที่ตั้งไว้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้