นายไพรินทร์ กล่าวว่า แม้โครงการนี้จะมีผู้มองว่าอาจเกิดได้ยาก เพราะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐนั้น แต่เชื่อว่าจะสามารถหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการนี้ได้ ประกอบกับสถานที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อมาประเทศไทยและผ่านไปสู่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ประเทศเมียนมาร์ และเชื่อมต่อไปยังเมืองเชนไน ประเทศอินเดียได้ ซึ่งเมียนมาร์ และอินเดีย เป็นตลาดใหญ่
อีกทั้งในปี 2558 จะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ก็จะทำให้โครงการนี้มีตลาดรองรับ ปตท.จึงมั่นใจว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ โดยมีแผนที่ตั้งเป็นโรงกลั่นน้ำมันเพื่อการส่งออก
สำหรับโรงกลั่นน้ำมันคาดว่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาร์เรลต่อวัน และปิโตรเคมีต่อเนื่องจากมีกำลังผลิตโอเลฟินส์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน โดยเวียดนามระบุว่าน้ำมันดิบที่จะนำเข้ามาผลิตในโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้จะนำเข้ามาจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ ภายใต้ข้อตกลงร่วมทุนทาง ปตท.จะสนับสนุนเงินลงทุนในโครงการนี้ 60% ของการลงทุนทั้งหมด และเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ