(เพิ่มเติม) SSI คาด Q2/56 ยังขาดทุน ครึ่งปีหลังพลิกเป็นกำไรเมื่อโครงการลดต้นทุนเห็นผล

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 15, 2013 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/56 ยังจะขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 1/56 ที่ขาดทุนสุทธิ 778.02 ล้านบาท แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังผลประกอบการจะพลิกกลับมาเป็นกำไรหลังจากโครงการลดต้นทุนของโรงถลุงเหล็กในอังกฤษเห็นผล แต่ทั้งปียังไม่มั่นใจว่าจะออกมาเป็นกำไรหรือไม่

สำหรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าปริมาณขายเหล็กรีดร้อนทำได้ราว 7.6 ล้านตัน ก่อนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะ 10 ล้านตันภายใน 3 ปี

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในไตรมาส 2/56 ยังขาดทุนอยู่ เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวและเป็นช่วงที่ผู้ใช้สินค้าลดปริมาณสินค้าคงคลังลง ทำให้ปริมาณเหล็กในตลาดหายไป ซึ่งมาจากการที่เกิดการ Over Stock ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้เหล็กต้องลดปริมาณสต๊อกลง แต่การใช้เหล็กในตลาดก็ยังมีอยู่

ประกอบกับยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในไตรมาส 2/56 คาดดว่าจะลดลง 30% จากไตรมาส 1/56 ที่มียอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ที่ 7.7 แสนตัน ซึ่งสูงกว่าปกติที่มียอดขายอยู่ที่ 5-6 แสนตัน และ EBITDA เป็นบวกเช่นเดียวกับไตรมาส 1/56 ที่มี EBITDA อยู่ที่ 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มกลับมามีกำไร ซึ่งมาจากโครงการลดต้นทุนเชื้อเพลิงโรงถลุงเหล็กประเทศอังกฤษ หรือโครงการ PCI ซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นไป ทำให้โรงถลุงเหล็กมีกำไรและภาพรวมของบริษัทจะกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามยังไม่มีความมั่นใจว่าทั้งปีจะมีกำไรหรือขาดทุน นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 56 อยู่ที่ 80,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท

“ปีนี้ภาพรวมของบริษัทเรายังไม่มั่นใจว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังธุรกิจเราจะเริ่มกลับมาดีขึ้น จากการที่โรงถลุงเหล็กที่อังกฤษมีโครงการ PCI ที่ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ โดยผลของการลดต้นทุนจะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/56 เป็นต้นไป ทำให้โรงถลุงเหล็กจะเริ่มกลับมามีกำไร และภาพรวมของธุรกิจจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปีหลัง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่หนุนทำให้ธุรกิจดีขึ้นมาจากปริมาณการใช้เหล็กในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 17.5 ล้านตัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 16 ล้านตัน เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้างมีการเติบโตดีขึ้น รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าที่ใช้ในครัวเรือนมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาแร่เหล้กในปีนี้มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากการ Over Supply ทำให้ราคาแร่เหล็กลดลง และมาร์จิ้นของธุรกิจดีขึ้น และบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 80,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 60,000 ล้านบาท"นายวิน กล่าว

ส่วนยอดขายเหล็กรีดร้อนของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะสามารถแตะระดับที่ 10 ล้านตัน จากปีนี้คาดว่าจะมียอดขายแผ่นเหล็กรีดร้อนราว 7.6 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ