(เพิ่มเติม) QH ปรับโฉม"เซ็นเตอร์พอยท์"7 แห่งเป็นโรงแรมเต็มตัว ตั้งเป้ารายได้โต 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 15, 2013 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) ตั้งเป้ายอดรายได้จากโครงการเซ็นเตอร์พอยท์แตะ 1.9 พันล้านบาทในปีนี้ เติบโต 15% จากปีก่อน หลังจากปรับโฉมทั้ง 7 แห่งเป็นโรงแรมเต็มตัว พร้อมทั้งเพิ่มงบการตลาดเป็น 4-5% ของรายได้รวมเพื่อบุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการ QH เปิดเผยว่า ในปี 56 บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 56 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท และ คงเป้ายอดขายปีนี้ที่ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.6 หมื่นล้านบาท และ คงแผนเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท

โดยไตรมาส 2/56 คาดว่า รายได้จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่มากกว่าปีก่อน โดยจะเปิด 3-4 โครงการใหม่ จากไตรมาส 1/56 ได้มีการเปิดโครงการใหม่แล้ว 4-5 โครงการ ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมี backlog ราว 1.3 หมื่นล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 6-7 พันล้านบาท

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและมีแนวโน้มที่จะนำโรงแรมเซ็นเตอร์ พอยต์ สีลม มูลค่าสินทรัพย์ 500-600 ล้านบาท ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ QHHR เพิ่มเติม จากวงเงินกองทุนเดิมที่ 3.3 พันล้านบาท ซึ่งหาจะขายเข้ากองทุนเพิ่มจะต้องเป็นภายในปีนี้

"เป้ารายได้ปี 56 ยังคงเติบโต 50% ยังไม่มีแผนการทบทวนเป้าหมาย แต่เป้ารายได้ดังกล่าวยังไม่รวมการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาฯ" นางสุวรรณา กล่าว

นางสุวรรณา กล่าวอีกว่า ได้มีการปรับโฉมเซนเตอร์พอยต์ จากเซอร์วิอพาร์ทเม้นท์ มากเป็นโรงแรมเต็มตัว ด้วยเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นแบรนด์ของคนไทยภายใต้การบริหารงานของคนไทย โดยโรงแรมเซ็นเตอร์พอยต์ 7 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรมหรู 2 แห่ง คือ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ และโรงแกรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินัล 21 ส่วนอีก 5 แห่ง เป็ฯโรงแกรมระดับ 3-4 ดาว คือ โรงแกรม เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต , ชิดลม , สีลม ,ประตูน้ำ และสุขุมวิท 10 มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 2,215 ห้อง

ทั้งนี้ภายใต้โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ซึ่งเป็นของ QH 4 แห่ง ได้ใช้งบในการปรับปรุงใหม่เป็นเงินรวม 1.1 พันล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่โรงแรม

"การปรับโฉมจากเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เป็นโรงแรม เพื่อที่จะรองรับลูกค้าระยะสั้นได้มากขึ้น จากเดิมรองรับเฉพาะลูกค้าระยะยาวเท่านั้น...เซนเตอร์พอยต์ ถือเป็นแบรนด์ของคนไทยที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งระยะนี้-ระยะกลาง 3-5 ปี ยังบริหารงานด้วยตัวเอง โดยในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังลงทุนเอง...มีความเป็นไปได้ในระยะต่อไปอาจเห็นโรงแรมแห่งใหม่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลและโอกาสการลงทุน" นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับสัดส่วนลูกค้าที่พักระยะยาวและระยะสั้นเฉลี่ยอยุ่ที่ 30:70 ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นชาวเอเชีย ญี่ปุน ออสเตรเลีย รองลงมาคือสหรัฐ สหราชอาณาจักร และตะวันออกกลาง และคาดว่าหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะมีลูกค้าในอาเซียนเดินทางเข้าไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดการเข้าพักของเซนเตอร์พอยต์เติบโตเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ