ทั้งนี้ รายได้จากการขายสิทธิ์ ดังกล่าว 282.5 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้พิเศษทั้งจำนวนภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามการธุรกรรมดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องปิดการดำเนินงานของ กันยงโฮมโสตร์ สาขาพัทยา ภายใน 6 เดือน
“การขายสิทธิซื้อคืนที่ดินดังกล่าวทำให้ฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดของกิจการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของทั้งกลุ่ม อย่างไรก็ตามหากไม่มีรายได้จากการขายสิทธิ์ซื้อคืนที่ดินดังกล่าว ในปีนี้ CCP ก็มีแนวโน้มการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 15-20% หรือ มีรายได้รวมประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน"นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงาน CCP ในช่วงที่เหลือของปี 56 ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากความต้องการคอนกรีตเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการภาครัฐและเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนของเขตภาคตะวันออกและทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้าโครงการประเภทต่างๆเข้ามาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีแผนเข้าเสนองานใหม่ของภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การที่ออเดอร์ผลิตภัณฑ์คอนกรีตรูปแบบต่างๆมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขนส่งด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถผลิตได้เพียงพอกับความต้องการใช้งานและส่งมอบได้ทันเวลา โดยในช่วงไตรมาส 2 กำลังผลิตและขั้นตอนการขนส่งของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทันต่อความต้องการใช้งานของลูกค้า แต่ในช่วงไตรมาส 3 อาจต้องมีการพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับออเดอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 682.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจำนวน 40.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 54.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตเนื่องจากมีการส่งงานและรับรู้รายได้จากโครงการภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้นและสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดีเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2%