บริษัทยังเรียกร้องให้ภาครัฐออกมาตรการฉุกเฉินเพื่อไม่ให้มีการนำเข้าเหล็กจากจีน ในระหว่างที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ในขั้นตอนการประกาศไต่สวน วินิจฉัยและขอข้อมูลต่างๆ เพื่อออกมาตรการปกป้องภายใต้พ.ร.บ.มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550
นายปิยุช กุปต้า กรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH เปิดเผยว่า งวดปี 56/57 จะพลิกเป็นกำไรได้ เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น 10% จากความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น จากเดิมงวดปี 55/56 เติบโต 12% โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 6-7% ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐ ประกอบกับ งวดปี 55/56 ได้มีการตัดลดมูลค่าทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ เช่น เครื่องจักรมินิบาสเฟอร์เนส แต่งวดปี 56/57 อาจจะไม่มีการตัดลดมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวอีก
ทั้งนี้ มองว่าแม้ความต้องการในประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่การนำเข้าเหล็กของประเทศจีนยังสูงถึง 25% ซึ่งบริษัทฯได้รับผลกระทบโดยตรง จึงเสนอต่อภาครัฐขอให้เก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนในอัตรา 15.3% เนื่องจากจีนสามารถนำเข้าเหล็กลวดอัลลอยโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรม โดยภาครัฐอาจจะใช้เวลาในการพิจารณาถึง 6 เดือน ถึง 1 ปีในการพิจารณา จึงขอเสนอเพิ่มเติมให้ออกมาตรการฉุกเฉินไม่ให้มีการนำเข้าเหล็กจากจีนในขณะนี้ โดยคาดหวังว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
นายปิยนุช กล่าวว่า ธุรกิจเหล็กในอาเซียนมีการเติบโตสูงกว่าภูมิภาคอื่นในโลกถึง 5% คาดว่าปี 56 จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ที่สูงกว่า 5% นำโดยไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งความต้องการใช้สินค้าเหล็กในไทย โดยเฉพาะเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบนในปี 55 เติบโตกว่าปี 54 ถึง 12% แต่สินค้านำเข้ากลับโตขึ้นถึง 25% การนำเข้าสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากจีน ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อรายได้ของผู้ผลิตเหล็กในประเทศไทยและยิ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับเหล็กทรงยาว เมื่อสินค้านำเข้ามีการเติบโตสูง แต่ตลาดมีขนาดเล็กกว่ามาก
"ภาพรวมของธุรกิจในปี 56/57 นั้น ธุรกิจเหล็กยังคงดำเนินไปด้วยความท้าทาย คาดว่าไทยจะสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็ก สินค้านำเข้าจากจีนยังคงเป็นประเด็นที่เราต้องการมากที่สุดและคาดหวังอย่างที่สุดที่จะได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กทรงยาวในประเทศไทย"นายปิยนุช กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสงวด 4 ปี 55/56 แม้จะประสบกับสภาวะทางธุรกิจที่ยากลำบากแต่ TSTH ยังแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่โดดเด่น รวมถึงตลอดทั้งงวดปี 55/56 หากไม่นับขาดทุนจากการด้อยค่า/เสื่อมสภาพ ซึ่งได้มีแผนการพลิกฟื้นผลประกอบการตามรายได้ที่มาจากการขายในประเทศในครึ่งหลังของงวดปี 55/56 เป็นผลการดำเนินงานที่ดีเลิศ ทำให้การขายในประเทศของ TSTH เพิ่มขึ้น 12% จากงวดปี 54/55 เนื่องจากมีความต้องการใช้เหล็กในโครงการต่างๆมากขึ้น รวมถึงประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เหล็กต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ในพื้นที่เฝ้าระวังแผ่นดินไหวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดยได้นำเข้าสู่ตลาดทางภาคเหนือเป็นที่แรก