JMT คาดแนวโน้ม Q2/56 โตตามภาพรวมตลาดสินเชื่อ-ซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 17, 2013 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/56 คาดว่าจะมีทิศทางเติบโตเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 55 เนื่องจากภาพรวมตลาดสินเชื่อปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดี ขณะเดียวกันบริษัทได้ซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีหนี้หนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท

บริษัทคาดว่าจะซื้อหนี้เพิ่มในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ไตรมาสละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/56 สามารถซื้อหนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่าน่าจะซื้อหนี้มาบริหารได้เป็นไตรมาสละ 3,000 ล้านบาท สนับสนุนให้เป้าหมายกำไรสุทธิในปีนี้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.83 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท เพื่อสิทธิทางกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ และเล็งเห็นโอกาสในการเติบโต ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการหนี้สินที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว ซึ่งหนี้กลุ่มนี้มีปริมาณอยู่จำนวนมาก สถาบันการเงินต่างๆ ไม่เคยนำออกมาขาย จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้าไปรุกหนี้ประเภทนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอขั้นตอนการดำเนินงานทางกฎหมาย คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจและมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน — กรกฎาคมนี้

สำหรับบริษัท เจเอ็มที ไอบี จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย คาดจะมีความชัดเจนธุรกิจนี้ในปีหน้า เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการ กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันภัยมาไม่น้อยกว่า 1 ปี ถึงเริ่มดำเนินธุรกิจได้

“เชื่อผลงานในช่วงต่อจากนี้ของ JMT จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ ได้ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มโดยสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ กว่า 80% มาจากธุรกิจนี้ และเป็นธุรกิจที่มี Margin สูง อีกทั้ง ได้จัดตั้งบริษัทฯ ย่อยเพิ่มอีก 2 แห่ง โดย JMT ถือหุ้นในสัดส่วน 99% จากประโยชน์เรื่องสิทธิทางกฎหมาย และเล็งเห็นโอกาสการเติบโตในอนาคต คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้เพิ่มขึ้น โดยจะรุกตลาดหนี้ที่ดำเนินการทางกฎหมายแล้ว ขณะที่บริษัท เจเอ็มที ไอบี จำกัด ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยใช้ระบบ Call center ซึ่งบริษัทฯ มีระบบ Call center ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญ " นายปิยะ กล่าว

ด้านผลงานไตรมาสแรกถือว่าเป็นที่น่าพอใจ JMT มีกำไรสุทธิเติบโตกว่า 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะซื้อหนี้เข้ามาบริหารในไตรมาส 1/56 เพิ่มอีกจำนวน 2 พันล้านบาท ซึ่งผลงานที่ออกมาก็เป็นไปตามนั้น ส่งผลให้เมื่อสิ้นไตรมาส 1/56 บริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 55 บริษัทฯ มีพอร์ตหนี้อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ