(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นต่อตามภูมิภาค ปัจจัยตปท.หนุน

นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนมาจากความคาดหวังของการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ว่าจะออกมาในทางที่ดี ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาส่งผลบวกและลบกับตลาดหุ้นไทย

พร้อมให้แนวต้าน 1,640 จุด แนวต้าน 1,618 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(17 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,354.40 จุด เพิ่มขึ้น 121.18 จุด(+0.80%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,667.47 จุด เพิ่มขึ้น 17.00 จุด(+1.03%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,498.97 จุด เพิ่มขึ้น 33.72 จุด(+0.97%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 122.49 จุด ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 266.06 จุด ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 3.24 จุด ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.55 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.49 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 3.83 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.40 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(17 พ.ค.)ที่ 1,627.96 จุด เพิ่มขึ้น 10.07 จุด(+0.62%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 390.58 ล้านบาท เมื่อ 17 พ.ค.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(17 พ.ค.)ที่ 96.02 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.86 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(17 พ.ค.)ที่ 6.3 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ 29.83/85 รอดูตัวเลข GDP สภาพัฒน์-ประชุม กนง.
• คลังชี้สถาบันการเงินฉวยจังหวะดอกเบี้ยในประเทศสูง เร่งระดมเงินทุนนอกนำเข้า หวังกินส่วนต่างดอกเบี้ยต่ำในประเทศ-กำไรอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ "ธปท.แบงก์" ระบุเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยง หาดอลลาร์เพื่อรองรับลูกค้าในต่างประเทศมีผลค่าเงินบาทน้อย
• พลังงานนัดถกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยก่อนขยับขึ้นราคาแอลพีจี ผู้ค้าหนุนเลื่อนขยับราคามิ.ย.นี้ออกไปหลังรูปแบบการชดเชยเงินให้กับผู้มีรายได้ต่ำยังไม่ชัดเจนแถมการสำรวจอาจยังมีตกหล่น ย้ำเดือนแรกรับภาระช่วยประชาชนขึ้นแอลพีจีแค่ถังละ 5 บาท หวังแลกขึ้นค่าขนส่งในอนาคต
• ประเทศไทยขอให้ สปป.ลาวเร่งรัดโครงการความร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เพื่อเชื่อมต่อจากจีนเข้าสู่ลาวมายังไทย ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทย-ลาว โดยไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพในการหารือร่วม 3 ฝ่ายไทย ลาว และจีน
• นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า จะเรียก 3 กรมจัดเก็บรายได้ คือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร มาหารือในสัปดาห์นี้ เรื่องผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้รายรับภาษีลดลง เพื่อเตรียมแนวทางรองรับเช่น กรมศุลกากร รายได้จากอากรนำเข้าหายไปกว่า 1 หมื่นล้านบาทหลังเงินบาทแข็งค่า
• กุลวันท์ สิงห์ เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น แฮบิแทต) สนับสนุนโครงการจัดการน้ำ มูลค่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.35 ล้านล้านบาท) ของรัฐบาลไทย โดยชี้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อป้องกันอุทกภัยในระยะยาว
• บจ.ประกาศกำไรไตรมาสแรก 2.44 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 13.5% จากปีก่อนหน้า กลุ่มหลักทรัพย์กำไรเพิ่มขึ้นสูงสุด 222% ได้อานิสงส์วอลุ่มซื้อขายตลาดหุ้นไทยและกำไรจากพอร์ตลงทุน ขณะที่กลุ่มพลังงานกำไรลดลง 5% ด้านโบรกเกอร์คาดช่วงที่เหลือของปียังโตต่อเนื่อง ขณะที่ กลุ่มบจ.เอ็มเอไอกำไรไตรมาส 1 โต 12% บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป โชว์กำไรมากสุด 417 ล้านบาท
• แบงก์ชาติเผยสถาบันการเงินทั้งระบบปล่อยกู้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 5.20 แสนล้านบาท ซึ่งเกิดจากธุรกิจขอสินเชื่อสถาบันการเงินแล้วไปปล่อยกู้ต่อยอดขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นกระฉูด 3.57 แสนล้านบาท ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 4.58 หมื่นล้านบาท พบคนส่วนใหญ่ขอสินเชื่อไปซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 4.81 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธุรกิจจัดหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 3.18 หมื่นล้านบาท แต่เงินให้สินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลดลง 9.46 หมื่นล้านบาท หรือลดลงถึง 15.83%

*หุ้นเด่นวันนี้

• TISCO-T1 และ TISCO-T2(ฟินันเซีย ไซรัส)ซื้อขายวันนี้ถึง 29 พ.ค. เป็นเวลา 7 วันเท่านั้น และจะขึ้น SP วันที่ 30 พ.ค. ถึง 26 มิ.ย. และใช้สิทธิ 26 มิ.ย. หากอิงราคา TISCO ในช่วง 50 - 56 บาท มูลค่า TISCO-T1 และ TISCO-T2 (foreign) จะอยู่ในช่วง 26 - 32 บาท ถ้านักลงทุนมีต้นทุนเฉลี่ยก่อน XA ต่ำกว่า 58 บาท แนะให้ใช้สิทธิ"ซื้อ"หุ้นเพิ่มทุน (1 TSR : 1 หุ้น ราคาหุ้นละ 24 บาท) และคาดหุ้นใหม่จะซื้อขายได้ในวันที่ 5 ก.ค. แต่ถ้าต้นทุนสูงกว่านั้น แนะ"ขาย" TSR สำหรับราคาเป้าหมาย TISCO หลังถูกกระทบจาก dilution จะอยู่ที่ 58 บาท แนะเพียง"ถือ"จาก upside ที่แคบลง
• VGI(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 176 จาก 140 บาท(เป้าหมายสิ้นเดือน มี.ค. 2014 ตามรอบปีบัญชี) จากการ re-rate PEG จากเดิม 1 เท่าเป็น 1.35 เท่าให้ใกล้เคียงกับ BEC ที่เป็นผู้นำกลุ่ม จากความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นไม่ต่างจาก BEC มากนัก โดยอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่เฉลี่ย 28.7% โครงสร้างทางการเงินแข็งแกร่ง และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้อีกมาก
• STANLY(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 300 บาท กำไรสุทธิใน 4Q55 และปี 2555 ออกมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และดีกว่าคาดเล็กน้อย ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2556 คาดกำไรจะโตได้ต่อเนื่อง จากการเดินเครื่องโรงงานใหม่ที่เพิ่งเปิดดำเนินงานในเดือน มิ.ย. 55 โดยประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 1,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY นอกจากนี้ยังคงมีปัจจัยหนุนจากโอกาสได้รับเงินสินไหมประกันเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ราว 300 ล้านบาทในปีนี้
• SYMC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 24 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2556 จะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากใน 1Q56 เนื่องจากในไตรมาสดังกล่าวได้มีการลงทุนในการขยายโครงข่าย และขยายตลาดต่างจังหวัด เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าและทำตลาดลูกค้าใหม่ๆไปแล้ว โดยที่เราคาดว่ากำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเปิดบริการ 3G เต็มรูปแบบบนคลื่น 2.1GHz จะเริ่มเห็นผลชัดเจนครึ่งปีหลัง และการเริ่มให้บริการดาวเทียมชั่วคราวของไทยคม 6 ใน ส.ค.2556