MSCI เพิ่มหุ้น ANAN BMCL EA EASTW GRAMMY GUNKUL JMART KTC MALEE N-PARK OFM OISHI SAMART SPCG TFD THRE UMI UV VGI และ WHA เข้าคำนวณ MSCI Global Small Cap Indices มีผล 1 มิ.ย. 56 นับเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีจำนวนหุ้นเข้าคำนวณเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในอาเซียน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า จากการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี MSCI ล่าสุด หุ้นไทย 20 หลักทรัพย์ถูกเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices โดยเป็นหลักทรัพย์ใน SET 19 หลักทรัพย์และ mai 1 หลักทรัพย์ รวมมาร์เก็ตแคป 403,111 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 พ.ค.56) และมีหลักทรัพย์ที่ถูกคัดออก 3 หลักทรัพย์
"หลักทรัพย์ไทยที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณในครั้งนี้นับว่ามีจำนวนสูงที่สุดในอาเซียน คือ 20 หลักทรัพย์ โดยเป็นหุ้นเข้าใหม่ (IPO) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึง 7 หลักทรัพย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหุ้น IPO เมื่อได้เข้ามาจดทะเบียนแล้วมีการบริหารจัดการที่ดี ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม มีศักยภาพที่จะเติบโตจนมีขนาดและสภาพคล่องเข้าเกณฑ์ให้ได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณในดัชนีระดับโลกได้ ซึ่งในช่วงต่อจากนี้ไปจะมีหุ้น IPO ที่น่าสนใจเตรียมเข้าจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวโน้มที่หลักทรัพย์ไทยจะถูกนำไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap Indices จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับความสนใจยิ่งขึ้นจากผู้ลงทุน" นายชนิตรกล่าว
หลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นเข้าใหม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 7 หลักทรัพย์ ได้แก่ ANAN EA GUNKUL OFM SPCG (เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ โดยอ้อม) VGI และ WHA โดยมีมาร์เก็ตแคปรวมกัน 44% ของมาร์เก็ตแคปรวมของหลักทรัพย์ไทยที่ได้ถูกเพิ่มเข้าคำนวณในครั้งนี้
สำหรับหุ้นที่ถูกคัดออก โดยส่วนใหญ่จะเป็นหลักทรัพย์ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเกินเกณฑ์คัดเลือกหุ้นของดัชนี MSCI Global Small Cap Indices แล้ว ซึ่งหากมาร์เก็ตแคปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสภาพคล่องการซื้อขายยังอยู่ในระดับสูง หลักทรัพย์ดังกล่าวจะมีโอกาสได้รับเลือกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices เช่นเดียวกับหุ้น HMPRO MINT และ TRUE ที่เพิ่งถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนีดังกล่าวในรอบนี้
ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลมาร์เก็ตแคปและการซื้อขายหลักทรัพย์เปรียบเทียบก่อนและหลังที่ถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices รอบเดือน พ.ย.55 สรุปได้ว่าหลักทรัพย์ที่ได้นับเข้าไปคำนวณในดัชนีจะมีมาร์เก็ตแคปและมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางผลการดำเนินงาน และสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน