บริษัทมีแผนขยายพื้นที่ปลูกยางพาราเป็น 50,000 ไร่ภายในปี 57 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2-3 หมื่นไร่ พร้อมทั้งมีแผนการขยายโรงงาน 4 แห่ง โดยเป็นโรงงานในอินโดนีเซีย 1 แห่ง และในไทย 3 แห่งที่จังหวัดจันทบุรี สระแก้ว และพิษณุโลก ขณะเดียวกัน บริษัทบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจท้องถิ่นเพื่อร่วมทุนตั้งโรงงานในพม่าและเวียดนาม คาดว่าโรงงานในพม่าจะได้ข้อสรุปภายในอีก 2 เดือน แต่ในเวียดนามยังไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน
"เราเข้าไปลงทุนในพม่า เนื่องจากเรามองเห็นการเติบโตของสวนยางที่ในอนาคตจะมีน้ำยางออกมาเป็นจำนวนมาก จากที่ปัจจุบันในพม่ามีกำลังการหผลิตยางอยู่ที่ 1.3 แสนตัน ในอนาคตยังจะมีสวนยางที่จะเริ่มผลิตน้ำยางได้อีกจำนวนมาก เราจึงเห็นศักยภาพในการผลิตน้ำยาง เราจึงเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในครั้งนี้"นายกิติชัย กล่าว
นายกิติชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปี 56 จะทำยอดขายได้ 1.15 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.7-9.8 แสนตัน โดยกำลังการผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1.1 ล้านตัน หลังจากบริษัทได้เพิ่มโรงงานมากขึ้น ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน แต่น่าจะมีกำไรสูงขึ้น เนื่องจากประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นเป็น 5-7% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.3% และปีนี้จะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 2-3% อีกทั้งส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากเดิมอยู่ที่ 9%
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมยางพาราในปี 56 เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนและจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 3/56 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งในสหรัฐ ยุโรป และจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คาดว่าความต้องการยางของโลกจะเติบโตราว 6-7% ขณะที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% ทำให้คาดว่าราคายางพาราในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2,700 ดอลลาร์/ตัน ทั้งนี้ ยังคาดว่าสถานการณ์ปริมาณยางล้นตลาดในปีนี้จะลดลงจากการลดปริมาณการผลิตยาง