สัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญ คือ การเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คำแถลงของประธานเฟด การ ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ ยุโรปและจีน แต่ประเด็นที่คาดว่าจะมีผลมากที่สุดคือการเปิดเผยรายงาน ของเฟดเนื่องจากใน 2 ครั้งที่ผ่านมาทำให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลงแรง 20-30 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร กลางสหรัฐบางรายมีความเห็นว่าควรจะยุติมาตรการ QE ของเฟด
สำหรับการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นครั้งนี้คาดว่าไม่น่าจะมีการออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่น คงตอกย้ำเป้าหมายที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อถึงระดับ 2% ภายในระยะเวลา 2 ปี ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตของของจีน ถ้าออกมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะส่งผลลบต่อราคาทอง แต่ถ้าออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จะส่งผลบวกต่อราคา เนื่องจากจีนเป็นประเทศ บริโภคทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
การลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ยังแนะนำการเก็งกำไรฝั่งขาย สำหรับนักลงทุนที่ถือครองสถานะขายยังสามารถถือครองต่อ ไปได้ เนื่องจากราคาทองคำหลังจากหลุดแนวรับที่ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ จะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงไปที่แนวรับถัดไปที่ 1,320 ดอลลาร์ สหรัฐ กรณีที่ราคาทองฟื้นตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านที่บริเวณ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐเปิดสถานะขายเก็งกำไรได้
ดัชนี SET 50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,092.27 จุด เพิ่มขึ้น 12.49 จุด, +1.16%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 65,680 471,948 Total Futures 65,495 468,884 Brent Crude Oil 171 289 Metal 18,249 16,346 - 50 Baht Gold 4,773 5,976 - 10 Baht Gold 13,608 10,345 - Silver - 25 USD 409 13,275 Interest Rate - - - 3M BIBOR - - - 6M THBFIX - - - 5Y Gov Bond - - SET50 Index 13,608 39,788 Sector Index Futures - - Single Stock 33,058 399,186 Total Options 185 3,064 SET50 Index 185 3,064 Call 57 764 Put 128 2,300