ขณะนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิมจาก 23 ไร่เป็น 58 ไร่ ราคาที่ดินอยู่ที่ 174 ล้านบาท มาจากการกู้เงินจากธนาคาร 70% และกระแสเงินสดอีก 30% ซึ่งได้มีการจ่ายเป็นเงินมัดจำไว้แล้วและจะมีการโอนที่ดินในเวลาอีก 4 เดือนข้างหน้าเพื่อขยายโรงงานใหม่ ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นอีกประมาณ 60%
ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีแผนงาน 5 ปีที่จะย้ายโรงงานทั้งหมดที่ปัจจุบันมีอยู่ 3 โรงงานมารวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/56 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าไตรมาส 1/56 ที่มีรายได้ 167.89 ล้านบาท เนื่องจากปกติแล้ว ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่มีการส่งมอบงานเป็นจำนวนมาก รวมถึงเป็นช่วง High season ของบริษัทด้วย ขณะเดียวกันยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้ยังจะเติบโต 25% ตามเป้าหมาย จากที่มีการปรับเปลี่ยนโฉมรถยนต์จากรุ่นเดิมของค่ายรถยนต์ต่าง รวมถึงยอดคำสั่งซื้อค้างส่งที่มีปริมาณสูงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีงานอยู่ในมือ อีกกว่า 418 ล้านบาทที่จะสามารถทยอยรับรู้ได้ในปีนี้ทั้งหมด
บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ประมาณ 30% จากที่ปี 55 อยู่ที่ 28% เป็ยผลจากการร่วมมือกับบริษัทในประเทศจีนกว่า 4 รายเพื่อผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัท ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้รวดเร็วมากขึ้น และมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น ประกอบกับสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลดลงของต้นทุนทางการเงิน จึงส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจากปัจจุบันอยู่ที่ 9.18% โดยบริษัทเริ่มเข้าไปบุกตลาดประเทศลาว และเวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา จึงมองว่าความต้องการเครื่องทุ่นแรงยังมีอีกมาก