"เราคาดว่าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะหมดอายุลงมูลค่า 7.5 พันล้านบาท ซึ่งเราจะมีการทยอยออกหุ้นกู้ชุดใหม่ออกมา โดยออกเป็นล็อตๆ แต่มูลค่าที่เราจะทยอยออกนั้นจะมีขนาดมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับพอร์ตของเราว่าจะโตแค่ไหน ดูโครงสร้างเงินกู้ short term และ long term เรื่องต้นทุน ซึ่งถ้าต้นทุนสูงมากเราก็อาจออกไม่เต็ม 7.5 พันล้านบาท หรือถ้าเงินกู้ short term เรามากก็อาจออกไม่เต็มเช่นกัน แต่ถ้าดอกเบี้ยในช่วงนั้สูงเราก็อาจจะออกหุ้นกู้เยอะเพื่อล็อกดอกเบี้ยเอาไว้"นางสาวอภิศมา กล่าว
นางสาวอภิศมา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนกู้เงินจากต่างประเทศ แม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่าในประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องการแปลงค่าเงินที่อัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวนอยู่ และบริษัทก็ไม่มีธุรกิจในต่างประเทศจึงไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากต่างประเทศ
ส่วนมุมมองด้านอัตราดอกเบี้ยนั้น นางสาวอภิศมา คาดว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมคณะกรรมการนโนยบายการเงิน (กนง.)สัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการกู้หนี้ระยะสั้นถูกลงเล็กน้อย ทำให้บริษัทมีการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวในสัดส่วน 70:30 เนื่องจากป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตการเงินในอนาคต ซึ่งเคยมีปัญหาในปี 50 ที่ธนาคารไม่ยอมปล่อยเงินกู้ระยะสั้นทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องขึ้น
นอกจากนั้น ยังให้ความมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปี 56 ไม่รวมรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2 เท่าจากกำไรในปี 55 ที่ทำได้ 421 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการใช้นโยบายลดต้นทุนการดำเนินงาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มส่งผลชัดเจนขึ้น ทำให้บริษัทมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมในไตรมาส 1/56 อยู่ที่ 40.8% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 46.4% และ 52% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นคุณภาพและการบริการที่ดีเยี่ยม ขยายช่องทางการรับบัตรให้หลากหลาย รวมทั้งการจัดเคมเปญการตลาดมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าตลอดปี