ขณะเดียวกันธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเพลง ธุรกิจทีวีดาวเทียม เติบโต 5-10% แต่ธุรกิจใหม่คือ pay tv ยังไม่คืนทุน คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 ปี
"ธุรกิจใหม่ยังไม่คืนทุน ผมก็ประเมินผลประกอบการยาก แต่ค่าโฆษณาในทีวีดาวเทียมก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่"นายปีย์มน กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในปีนี้รายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย 10% จากทุกธุรกิจ ส่วนกำไรยังคาดการณ์ยากเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนค่อนข้างสูง
ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุน 4 พันล้านบาทเพื่อเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอล 3 ช่องในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ โดยยืนยันว่าบริษัทจะไม่มีการเพิ่มทุน เพราจะใช้แหล่งเงินจากกระแสเงินสด 1 พันล้านบาท และจากผลประกอบการ (EBITDA) 1 พันล้านบาท นอกจากนั้นยังสามารถกู้จากสถาบันการเงินได้อีก เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ที่ระดับ 1.9 เท่า หลังกู้เงินเพิ่มคาดว่า D/E จะสูงขึ้นเป็นไม่เกิน 2 เท่า
"เงินลงทุนในทีวีดิจิตอล ไม่ได้จ่ายในปีแรกทั้งหมด ศักยภาพของ GRAMMY ไม่ต้องเพิ่มทุน ยังสามารถหาแหล่งเงินจากแบงก์ได้อยู่ แต่ถ้าต้องขยายงานในอนาคต หากเพิ่มทุนค่อยว่ากัน" นายปีย์มน กล่าว
ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้ก็จะสามารถเปิดดำเนินการในภายใน 3 เดือนหลังได้ใบอนุญาต โดย 3 ช่องทีวีดิจิตอลที่จะเข้าประมูล ได้แก่ ช่อง HD ช่องวาไรตี้ SD และ ช่องเด็ก
นอกจากนี้ บริษัทได้ซื้อคอนเท้นท์จากต่างประเทศจำนวน 1 พันล้านบาทมีสัญญา 3 ปี
ส่วนการขายหุ้นใน MATI เป็นเพราะที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้มีอำนาจการบริหาร แต่ถือหุ้นเพื่อลงทุน ถ้าราคาดีก็ไม่เปลกถ้าขายออกเพราะมีผลตอบแทนมากกว่าจึงขายออกไป ส่วนจะขายเงินลงทุนในบริษัทอื่นอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจรจาและโอกาส