โดยปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยหนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นไปที่ระดับ 1,750 จุดได้นั้น มาจากการได้รับแรงหนุนจากการกระตุ้นการลงทุนในส่วนของภาครัฐ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะช่วยให้ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
พร้อมกันนี้ คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ กนง.จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี แม้หลายฝ่ายอาจมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% อาจไม่ทำให้เห็นผลที่ชัดเจนนักในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า และช่วยชะลอเงินทุนไหลเข้านั้น แต่โดยส่วนตัวแล้วนายสมชัย มองว่าหากจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในอัตราดังกล่าวจริงก็น่าจะส่งผลได้บ้าง แต่ถ้ายังไม่เกิดที่ผลชัดเจนก็สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุม กนง.รอบถัดไป
สำหรับอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ที่จะต้องปรับลดลงหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ก็จะทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมทั้งกรณีที่เศรษฐกิจในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไป 1,750 จุดได้