ขณะเดียวกันบริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 56 เหลือจำนวน 1 พันบาท โดยบริษัทจะหันมาเน้นรับงานที่มีมาร์จิ้นสูงมากกว่า โดยนับจากนี้จะประมูลเฉพาะงาน Oil &Gas ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 28-30% และจะลดรับงานก่อสร้างสาธารณูปโภคทุกอย่างซึ่งงานเหล่านี้จะหมดภายในไตรมาส 2/56 และหลังจากนั้นบริษัทจะรับรู้รายได้งาน Oil &Gas ที่จะทำให้บริษัทมีกำไรดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 และ 4 นี้ ที่เป็นช่วงพีคหน้างาน
"ตอนนี้ ได้ยื่นงานประมูล Oil&Gas ประมาณ 1 พันล้านบาท คาดรู้ผลสิ้นไตรมาส 2/56 หากชนะก็จะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 3-4 "นายรัตนพล กล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้าหลักของบริษัทยังเป็นกลุ่มปตท. บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) เชฟรอน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พอสโก ซึ่งลูกค้าทุกกลุ่มยังมีแนวโน้มขยายงานสูงมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีผลขาดทุนสะสม 700-800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามจะล้างให้หมดให้เร็วที่สุด
"หลังไตรมาส 2 เราจะมีงานที่มีมาร์จิ้นสูง และงานที่ทำให้ขาดทุนจะไม่มีแล้ว ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นของทั้งปีน่าจะอยู่ 10%กว่า " นายรัตนพล กล่าว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพาร์ทเนอร์ต่างประเทศเพื่อเข้ามาเป็นพันธมิตรธูรกิจ 2 ราย เพื่อเข้าร่วมลงทุนในหุ้น PAE ซึ่งกำลังพิจารณาจะนำหุ้นเดิม หรือ ออกหุ้นใหม่ เสนอขายให้กับพันธมิตร คาดว่าจะสรุปการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติได้ในไตรมาส 2/56 ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้พันธมิตรช่วยในเรื่องการประมูลงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท ได้แก่ งานวางท่อส่งก๊าซ เส้นที่ 4 ของกลุ่มปตท. จากปัจจุบันที่บริษัทรับงานได้มูลค่างานระดับพันล้านบาท
"พันธมิตรที่สนใจเจรจากับ PAE เพราะเขามองว่า สัญญาที่ PAE มีมูลค่ามาก เช่น เชฟรอน กลุ่มปตท."นายรัตนพล กล่าว