(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงตามหุ้นเอเชียรับคาดการณ์สหรัฐผ่อน QE,รอลุ้นกนง.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2013 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงต่อจากเมื่อวานเล็กน้อย และแกว่งตัว sideway ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมแฟดที่ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าทางการสหรัฐอาจจะลดการซื้อพันธบัตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนมาตรการ QE เป็นปัจจัยกดดดันตลาดหุ้นต่างประเทศวันนี้

ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีมีผลกระทบต่อตลาดมากนัก ต้องรอติดตามในสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุม กนง.เนื่องจากตลาดมีความคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

พร้อมให้แนวต้าน 1,638 จุด แนวรับ 1,624 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(22 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,307.17 จุด ลดลง 80.41 จุด(-0.52%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,655.35 จุด ลดลง 13.81 จุด(-0.83%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,463.30 จุด ลดลง 38.82 จุด(-1.11%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 112.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 194.37 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 30.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.97 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 1.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.32 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 5.20 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(22 พ.ค.)ที่ 1,631.27 จุด ลดลง 12.16 จุด(-0.74%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,238.57 ล้านบาท เมื่อ 22 พ.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(22 พ.ค.)ที่ 94.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.90 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(22 พ.ค.)ที่ 7.20 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ 29.90/93 ลุ้นทดสอบ 30 หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบทุกสกุล
  • "โฆสิต"ระบุตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสภาพัฒน์ต่ำกว่าคาด สะท้อนประชานิยมหมดแรงส่งกระตุ้นเศรษฐกิจเร็ว แนะรัฐบาลทบทวน หันใช้นโยบายระยะยาว ด้านนักเศรษฐศาสตร์หวั่นโต้แย้งตัวเลขเศรษฐกิจ กลายเป็นประเด็นการเมือง ขณะเอกชนเตือนกระทบความน่าเชื่อถือ
  • ผู้ประกอบการทีวีรายเดิมและรายใหม่จำนวนมาก แสดงความสนใจเข้าร่วมการเปิดประมูลโทรทัศน์ระบบดิจิตอลประเภทธุรกิจ24 ช่อง แบ่งเป็นช่องทั่วไปคมชัดสูงหรือเอชดี 7 ช่อง ช่องสแตนดาร์ดหรือเอสดีทั่วไป 7 ช่อง ช่องข่าว 7 ช่อง และช่องเด็ก 3 ช่อง ที่มีความชัดเจนแล้วว่าจะประมูลเดือน ก.ย. นี้
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,103,284 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 154,295 ล้านบาทหรือ 16.3% ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก
  • "ไชยา พรหมา" สส.หนองบัวลำภูพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลังการธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ได้ขอความร่วมมือไปยังสมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ ไม่ให้ธนาคารบังคับลูกค้าทำประกันชีวิตร่วมกับการเปิดบัญชีทำบัตรเอทีเอ็ม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BAY(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 43 บาท นสพ.อ้างแหล่งข่าวว่ามิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป(MUFG)ตกลงซื้อหุ้น BAY ทั้งหมด 25.3% จากกลุ่ม GE ที่ราคา 40 บาทต่อหุ้น คาดอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ธปท.เชื่อว่าข่าวนี้ส่งผลบวกในเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น เนื่องจากราคาซื้อขายสูงกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก ขณะที่พื้นฐานธุรกิจยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
  • KTB(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 30.50 บาท รายงานตัวเลขสินเชื่อเดือน เม.ย. +0.64% M-M และ +5.33% YTD ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับธนาคารใหญ่ สรุปรวม 9 ธนาคารมีสินเชื่อรวมเดือน เม.ย. +0.43% M-M และ +2.35% YTD ทั้งนี้ คาดว่าหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย KTB อาจกระทบมากที่สุด แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นราว 1-2 ไตรมาส น่าจะปรับตัวได้ สำหรับหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร ได้แก่ KBANK และ KK
  • CENTEL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 42 บาท ผลการดำเนินงานทั้งปียังคงถูกขับเคลื่อนจากธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ซึ่งปีนี้ถือว่าเติบโตโดดเด่นมาก สามารถชดเชยธุรกิจร้านอาหารที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลง เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไปบางส่วนจากโครงการรถยนต์คันแรก ในส่วนของ Occupancy rate เดือน เม.ย. อยู่ที่ 80% คาดว่าทั้งไตรมาส 2Q13 น่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจาก 2Q12 ที่อยู่ที่ 64.8% ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารมี Same Store Sales Growth ราว 3% ใกล้เคียงกับ 1Q13 แต่ชะลอลงจาก 10.9% ใน 2Q12 ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 1,546 ล้านบาท โต 33%
  • MFEC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้าใหม่ 11.70 บาท ปรับเพิ่มประมาณการปี 2556-2557 จากเดิมเฉลี่ยต่อปี 33% ทำให้ MFEC จะมีกำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยต่อปี 34% (CAGR 2556-2557) สูงกว่าประมาณการเดิมเติบโต 16% โดยปีนี้คาดกำไรสุทธิ 281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% YoY ส่วนปี 2557 คาดกำไรสุทธิ 328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY
  • EA (เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"ปัจจัยหนุนหลักในช่วงที่เหลือของปี 2556 ต่อเนื่องจากในไตรมาส 1 ที่กำไรสุทธิออกมาดีมาก ๆ คือการที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 8MW เริ่มรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ 1Q56 เป็นต้นไป โดยที่ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% YoY และมีโอกาสปรับมูลค่าเหมาะสมเพิ่มอีกในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ