ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 2,123 ล้านบาท โดยมาจากคำสั่งซื้อและการส่งมอบงานหม้อแปลงไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) มูลค่า 179 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 251 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 268 ล้านบาท และหน่วยงานเอกชนในประเทศ 865 ล้านบาท รวมทั้ง ส่งออกอีกประมาณ 256 ล้านบาท และรายได้อื่นๆอีกประมาณ 281 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ในไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 จำนวนไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท จากไตรมาส 1/56 รับรู้รายได้แล้ว 470 ล้านบาท
สำหรับงานโครงการที่จะมีการเปิดประมูลอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 56 มีมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น กฟภ.500 ล้านบาท กฟผ.200 ล้านบาท กฟน.2,100 ล้านบาท ส่วนของภาคเอกชนภายในประเทศอีก 2,300 ล้านบาท ส่งออกประมาณ 500 ล้านบาท และงานประมูลของบริษัทย่อย 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25%
นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25% ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของบริษัท
"เป้าหมายปีนี้บริษัทคาดว่าจะทำได้ตามแผน เนื่องจากมีงานอยู่ในมือแล้ว 2,123 ล้านบาท ที่จะส่งมอบในปีนี้ 2,061 ล้านบาท และปีหน้าอีก 62 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เสนอให้กับเอกชนไป 2,300 ล้านบาท ต่างประเทศ 500 ล้านบาท ทั้งนี้อุปกรณ์ งานเหล็ก กำลังติดตามมา 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทได้รับงานที่สามารถทำได้ 20-25% ที่จะทำให้มีรายได้ 2,845 ล้านบาท และสามารถเหลือ Backlog ได้ถึงปีหน้า"นายสัมพันธ์ กล่าว
ส่วนการลงทุนในปี 56-57 ตั้งงบลงทุนไว้ 600 ล้านบาท นำไปขยายโรงงานหม้อแปลง (Power Transformer Plant Expansion) ที่จะเสร็จได้ในปีนี้ และนำไปสร้างโรงงานผลิตหม้อแปลงขนาดเล็กใหม่ (New Distribution Tranformer Plant) ที่จะเสร็จได้ในปี 57 รวมทั้งสร้างโรงงานตัวถังหม้อแปลงใหม่ (New Tank and Fabricate Steel Plant) ที่จะแล้วเสร็จในปี 57 ด้วย