สำหรับฤดูการหีบอ้อยสำหรับปีนี้ได้เสร็จสิ้นหรือปิดหีบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งสิ้น 2.54 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางบริษัทตั้งเอาไว้ ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาสภาวะอากาศที่ไม่ดีนัก ทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่กลับได้แรงอานิสงส์จากเกษตรกรที่โรงงาน สนับสนุนให้ปลูกอ้อยเพื่อนำส่งอ้อยป้อนให้โรงงานอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เราสามารถรักษาระดับผลผลิตได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ คาดหมายในเบื้องต้นว่าผลผลิตสำหรับฤดูเปิดหีบ 56/57 จะสามารถทำเป้าหมายได้เท่าปีนี้ที่ 2.5 ล้านตัน แต่ทั้งนี้ภาวะอากาศก็จะเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่ม หรือลดของปริมาณอ้อยด้วยเช่นกัน สำหรับราคาน้ำตาลนั้น นายอิสสระ ให้ความเห็นว่า ราคาในระดับนี้น่าจะเป็นราคาที่ใกล้จะต่ำสุดแล้ว แนวโน้มระยะยาวเชื่อว่าราคาจะปรับตัวเข้าหาต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ อย่างบราซิลที่ 19-21 เซ็นต์ต่อปอนด์
ในส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KBS ที่ผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,638 ล้านบาท เพื่อขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นั้น ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังโดยปัจจุบันเครื่องจักรต่างๆ ทยอยเข้าติดตั้งแล้ว คาดว่าจะเดินเครื่องและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนงานที่วางไว้ โดยหลังจากสามารถเดินเครื่องได้ตามกำหนดจะเป็นส่วนช่วยผลักดันรายได้และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทได้งบลงทุนในปีนี้จำนวน 1.4 พันล้านบาทเพื่อลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลจะเริ่มเดินเครื่องงได้ในเดือน ก.พ.57 และคาดว่าในปี 57 จะมีกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 200-250 ล้านบาท