นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา "หุ้น-ทอง มองไกลกับ 4 ขุนพล และ 2 กูรูหุ้น" ว่า จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้นที่ยังเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่ญี่ปุ่นมีการปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จากนี้ไปหุ้นมีโอกาสที่จะผันผวน แนวโน้มดัชนีช่วงนี้ลงเกิน 10% ควรซื้อ ส่วนการถอนมาตรการ QE ยังมีเสียงที่ไม่เห็นด้วยมากกว่า มองว่าการยกเลิกดังกล่าวก็อาจจะไม่ยกเลิก ในรอบนี้ที่หุ้นขึ้นปัจจัยพื้นฐานยังอยู่ที่เดิม เตือนว่าความอ่อนไหว ความผันผวนยังมีอยู่ตลอดเวลา
ส่วนหุ้นไทยในไตรมาส 3 อาจจะมีการปรับฐาน ที่จะต้องรอดูเรื่องของการเมืองในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญรายมาตราที่จะผ่านได้หรือไม่ พร้อมทั้งการจะปรับฐานที่จะสามารถปรับได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับมาตราการ QE ด้วย จึงแนะนักลงทุนลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดี มีการปันผลที่ดี มองว่าหุ้นใหญ่ หุ้นเล็ก มีเสน่ห์แตกต่างกัน ความเสี่ยงในการลงทุนอีกอย่างหนึ่งคือ ควรระวังบทวิเคราะห์ให้มาก ส่วนตัวชอบหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้ค่อนข้างมาก การเข้าถึงข้อมูลก็อยากให้คิดก่อน ศึกษาหลายๆ ขนาดบริษัท และกระจายการลงทุนให้ดี
พร้อมกันนี้การลงทุนในระยะยาวแนะให้นักลงทุนลงทุนในเรื่องของการบริโภค และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้รับประโยชน์ รวมถึงเรื่องของ ICT ที่มองว่าจะส่งผลในระยะยาวที่ในอนาคตเรื่องของ 3G ก็จะขยายไปในทุกพื้นที่ และ หุ้นของบมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC)
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นที่ลงเร็วและแรงนั้นมาจากสภาพคล่อง Hot Monney แต่ยังคงมองว่า 1,700 จุด จะได้เห็นอยู่ในปีนี้ โดยมองภาพรวมตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1 หลายๆ กลุ่มออกมาดี เช่น ปตท. ธนาคาร ICT แม้กระทั่งหุ้นกุลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC ส่วนกลุ่มที่ผลประกอบผิดคาดที่สุด คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น SIRI ที่พยายามเร่งโอนเพื่อปิดยอด ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลของอสังหาริมทรัพย์ที่ไตรมาส 2, 3, 4 จะดีขึ้นตามลำดับ การที่ไตรมาสที่ 1 ออกมาดี สามารถบอกถึงความเข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย
ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนว่าอย่ากังวลเรื่องของ QE ในไตรมาส 4 อาจจะสามารถผ่อนคลายได้ และให้ติดตามเรื่องของการเมืองในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายรายมาตราที่อาจจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงไตรมาส 4
พร้อมแนะนักลงทุนก่อนจะลงทุนให้ดูผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ให้ดี หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก มองว่ายังคงมีเสน่ห์อยู่หากจะซื้อ ถ้าจะซื้อหุ้นใหญ่ควรซื้อกองทุน เนื่องจากมีการบริหารที่ดีกว่า การลงทุนในระยะยาวแนะลงทุนกลุ่มพลังงานทดแทน ICT กลุ่มอุตสาหกรรมไทย และประกันภัย
*กูรูมองทองยังเป็นขาลง
นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิกโกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ระบุว่า ราคาทองขณะนี้มองว่ายังเป็นขาลง แนะนำว่าการลงทุนควรลงทุนในระยะสั้น เข้าออกเร็ว โอกาสทำกำไรก็จะเร็ว รู้จักลงทุนในทิศทางขาลงด้วย อาจจะนำข้อมูลเชิงเทคนิคมาใช้ให้มากขึ้น รวมถึงปรับพอร์ตการลงทุน
นอกจากนี้การบริหารความเสี่ยงเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งวันนี้อ่อนค่าค่อนข้างมากและยังคงมีความผันผวนอยู่ แต่ยังไม่ส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศมากนัก ซึ่งนักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ทั้งสองด้าน แต่เน้นเรื่องราคาทองคำเป็นหลักและเอาเรื่องเงินบาทมาเป็นการตัดสินใจในการลงทุน
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองปัจจุบันนี้เป็นเรื่องของ Sentiment มาก ขาดปัจจัยพื้นฐานมาก ซึ่งถ้านักลงทุนไม่เข้าใจในเรื่องของจิตวิทยาการลงทุน ไม่เข้าใจเทคนิคการลงทุน ตนมองว่าการลงทุนในลักษณะนี้เป็นเรื่องลำบาก ซึ่งตลาดทองคำน่าจะเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง แนะนำว่าจะต้องมีการศึกษาก่อน ส่วนการลงทุนในระยะยาวแนะนำว่าให้ลงทุนเพื่อเซคเคลลิตี้ เพื่อเป็นแหล่งสะสมจะดีมาก
ทั้งนี้ถ้าไม่มองเรื่องของการเก็งกำไร ราคาทองคำในปัจจุบันยังเป็นปัจจัยพื้นฐาน ถ้าไม่คิดอะไรมากถือทองเป็นทรัพย์สินระยะกลาง ระยะยาว ตอนนี้เป็นจุดที่พิจารณาที่จะต้องซื้อทองเก็บ ส่วนแนวรับอาจจะต้องมองตามเทคนิคหรือจุดรับต่างๆ ที่ควรจะซื้อ ส่วนนักลงทุนที่หาประโยนช์กับการลงทุนก็มองว่าลงทุนได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งการลงทุนทองไม่ได้ยาก และนักลงทุนทองในตลาดโลกปริมาณการซื้อขายทองคำในแต่ละวันไม่ได้ลดลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามข่าวสารให้ชัดเจนและมีกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถทำกำไรได้
น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Glod แม่ทองสุก กล่าวว่า พื้นฐานในการปรับเป้าราคาทองคำตามตลาดโลกซึ่งปีนี้มีการมองว่าราคาทองคำมีความสดใส เนื่องจากปลายปีที่แล้วมองว่ามาตรการ QE น่าจะมีผลต่อเนื่องยาวไปถึงสิ้นปี แต่ปรากฎว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาการอัดฉีดเม็ดเงินที่หลายคนมองว่าอาจมีการลดลง ซึ่งเป็นตัวกดดันราคาทองให้ปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปี ทำให้ปีนี้อยู่ในช่วงของการปรับฐานอยู่ในช่วงขาลงหลังจากขึ้นมา 12 ปี
ทั้งนี้ยังมองว่าทองคำยังเป็นขาลง การลงทุนทองคำขณะนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก เคลื่อนไหวในกรอบที่แกว่ง มีทั้งวิกฤตและโอกาส เวลาลงทุนต้องค่อยๆก้าวไปทีละก้าว แนะนักลงทุนการลงทุนในทองคำยังสามารถลงทุนได้ แต่ต้องใช้ความรอบคอบ ต้องเข้าเร็วออกเร็วด้วย พร้อมทั้งต้องหาความรู้มากขึ้น เนื่องจากทองคำมีความเปลี่ยนแปลงดังนั้นการลงทุนจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันกับสภาพตลาด
นายธนรัขต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้มีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างถดถอย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ก็มีเรื่องของ QE โดยปีนี้ทั้งปีมองว่าทองไม่มีปัจจัยบวกให้มีการปรับขึ้น เพียงแต่ราคาทองแกว่งจะอยู่ในกรอบระยะสั้นๆ