ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารก็เติบโตด้วยเช่นกัน แม้ว่าในไตรมาสแรกที่ผ่านมาอาจจะยังเติบโตต่ำกว่าเป้า แต่ยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ 76 แห่ง นอกจากนี้มีการเจรจาซื้อแบรนด์ระดับนานาชาติ รวมทั้งขอซื้อเฟรนไชส์เพิ่มอีกแบรนด์ด้วย ทำให้หลายโบรกเกอร์ปรับราคาเป้าหมายขึ้นมา แต่บางแห่งมองว่าราคาขึ้นเหนือปัจจัยพื้นฐานแล้วขจึงแนะ"ถือ"หรือ"ขาย"
บล.บัวหลวง ซื้อ 44.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 42.50 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 42.25 บล.ทิสโก้ ทยอยซื้อ 40.00 บล.ทรีนีตี้ ถือ 36.00 บล.เอเชีย พลัส ขาย 35.00
นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ผลประกอบการของกลุ่มโรงแรมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโต 10% เป็น 24.5 ล้านคนในปี 56 โดย CENTEL ได้รับผลในเชิงบวกจาการที่มีเครือข่ายโรงแรมกระจายอยุ่ในหลายจังหวัดในประเทศไทย และมีการปรับเพิ่มเป้าของธุรกิจโรงแรม โดยมีอัตราการเข้าพัก 73% จากเดิม 70-71% การเติบโตของค่าห้องเฉลี่ย (ARR) ปรับเป็น 17% จากเดิม 15-16% และ รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) เพิ่มขึ้นเป็น 20% ซึ่งบล.ทิสโก้มองว่าเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจโรงแรม
“ภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ค่อนข้างดี CENTEL เองก็ มีเครือข่ายโรงแรมกระจายอยู่ในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดท่องที่ยว นอกจากนี้ยังมีซัพพลายของนักท่องเที่ยวดีกว่าคาด โดยเมื่อเทียบกับ THAI และ AOT จะเห็นว่าตัวเลขผู้โดยสารที่เข้ามาในประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งทัวร์จีนและต่างชาติเปลี่ยนจากมาเที่ยวกรุงเทพฯไปลงตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆเยอะขึ้น โดยเฉพาะทัวร์จีนที่เราคุยๆกันว่าเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด"นักวิเคราะห์บล.ทิสโก้ กล่าว
ส่วนธุรกิจอาหารอยู่ในช่วงการชะลอตัวลงในไตรมาส 1/56 โดย CENTEL ได้ปรับลดเป้าของธุรกิจ บริษัทตั้งเป้า SSSG(same store sale growth) ไว้ที่ 4% และสาขาใหม่ 76 สาขา
บล.ทิสโก้ เชื่อว่ากองทุน REIT จะช่วยให้ CENTEL สามารถขยายกิจการในต่างประเทศและทำให้แผนทางด้านการเงินและกลยุทธ์ประสบความสำเร็จ โดย CENTEL จะมุ่งการลงทุนในสินทรัพย์ขนาดเล็ก ประกอบกับการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการลดผลกระทบของปัจจัยทางฤดูกาลของธุรกิจภายในประเทศ
เรายังคงแนะนำให้ “ทยอยซื้อ" ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 40 บาท/หุ้น เนื่องจากราคาหุ้น CENTEL ราคาค่อนข้างสูงเกินมูลค่าพื้นฐาน จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 42.25 บาท/หุ้น จากประมาณการรายได้ของ CENTEL ในปี 56 ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.5% จากปีก่อน โดยมีแรงหนุนของการเติบโตจากธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุด จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศภาพรวมมีการเติบโตอย่างมาก หลังมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน อยู่ที่ 8.84 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 19.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าในปี 56 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 24.5 ล้านคน อีกทั้งโรงแรมของ CENTEL ยังมีความสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวนี้ได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมองว่าผลกระทบของฤดูกาลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะลดลง โดยไม่ส่งผลกระทบเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียโดยเฉพาะจากจีนมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี และคาดว่านักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆในอาเซียนรวมถึงอินเดียก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งช่วยลดผลกระทบของฤดูกาลได้
ส่วนโรงแรม Centara Ras Fushi Resort & Spa Maldives ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงสัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน Centara Grand Island Resort & Spa อีก 49% จะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะรายได้เฉลี่ยต่อห้องของโรงแรมในมัลดีฟท์นั้นสูงที่สุด
ส่วนรายได้ของธุรกิจร้านอาหารก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน หรืออยู่ที่ 2.16 พันล้านบาท ตามจำนวนสาขาที่มากขึ้นและคาดการณ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1.55 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.7% จากปีก่อน
ด้านนางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส แนะนำ “ขาย" ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 35.00 บาท/หุ้น เนื่องจากมูลค่าหุ้นเกินพื้นฐานไปค่อนข้างมาก แต่ภาพรวมของ CENTEL ยังมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยในไตรมาส 1/56 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 649 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 42% ของประมาณการทั้งปี 56 ก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 หลังเข้าสู่ช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/56 จะยังสามารถขยายตัวได้ดีกว่าเมือเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจโรงแรมปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงแรมเซ็นทารา มัลดีฟส์ หลังเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 74% เพิ่งเปิดบริการเมื่อวันที่ 24 มี.ค.56 ซึ่งเดือน เม.ย. 56 มีการเข้าพักสูงกว่า 80% และค่าห้องพักกว่า 1 หมื่นบาท/ห้อง/คืน ทำให้ผลักดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ในเดือน เม.ย. 56 เติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจอาหารยังมีแนวโน้มการเติบโตจากการขยายสาขาร้านอาหารใหม่เพิ่มต่อเนื่อง โดยในปี 56 คาดกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 1.54 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน