ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะทำการขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศออกไปอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ของบริษัทจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้มีการเติบโตอย่างน้อย 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังเจรจาลงนามในสัญญาจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้กับลูกค้าดูไบเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท บริษัทก็มุ่งที่จะขยายฐานลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ เกาหลี และสหรัฐอเมริกา เพิ่มเติม
แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/56 คาดเติบโดกว่า 20% งวดเดียวกันของปีก่อน จากออเดอร์ดูไบที่เข้ามาไตรมาส 2
นอกจากนี้ บริษัทมีขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยสหรัฐฯ มีมูลค่ายอดขายที่เจรจากันอยู่ประมาณ 50-60 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในไตรมาส 2/56 และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/56 ทันที ส่วนฟิลิปปินส์ คาดว่าจะสรุปยอดขายได้ในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าฟิลิปปินส์มีกำลังซื้อดี ขณะที่เกาหลีอาจสรุปยอดขายก่อนสิ้นปีนี้
สำหรับการขยายตลาดในประเทศ บริษัทจะเริ่มกระจายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Costa ผ่านร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ในจังหวัดต่างๆมากขึ้น โดยภายในปีนี้จะมีการกระจายสินค้าผ่านร้านค้าทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 100 ร้านค้า นอกจากนี้ บริษัทมีโชว์รูมผลิตภัณฑ์แบรนด์ ELEGA ใน Index Living mall 12 สาขา และ Homepro 3 สาขา และจำหน่ายสินค้าผ่านบิ๊กซีและโลตัส ภายใต้แบรนด์ Furdirect และ Muse อีกด้วย
"บริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างๆออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ โดยในช่วงไตรมาส 2 ECF เริ่มมีการรุกตลาดในประเทศมากขึ้น ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายในประเทศที่เด่นชัดขึ้นในไตรมาส 3 นี้ "นายอารักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ บริษัทจะต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับออเดอร์ซึ่งในปีนี้ได้ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมแล้วบางส่วน เพื่อเสริมให้เครื่องจักรเดิมสามารถผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น และอยู่ระหว่างรอนำเข้าเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15%
นายอารักษ์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/56-ไตรมาส 4/56 น่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มยอดขาย โดยปัจจุบันมีงานในมือ(backlog) 450 ล้านบาท ซึ่งจะส่งมอบภายปีนี้ทั้งหมด ขณะที่ลูกค้าญี่ปุ่นน่าจะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น และคาดว่ายอดขายปี 57 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จาการเติบโตต่อเนื่องจากลูกค้าต่างประเทศและในประเทศ
ขณะที่ในปีนี้บริษัทไม่ห่วงเรื่องราคาวัตถุดิบทั้งไม้ยางพาราซึ่งคาดไม่น่าปรับขึ้น ส่วนราคาไม้ปาติเกิล เชื่อว่าไม่ได้ปรับขึ้นเช่นกัน เพราะมีโรงงานผลิตวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทผลิตสินค้า OEM สัดส่วน 60% และออกแบบขายเอง 40%