LANNA คาดรายได้-กำไรปี 56 วูบหลังลดเป้าขายถ่านหิน,เจรจาร่วมทุนโรงไฟฟ้าอินโดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 30, 2013 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA)คาดว่า รายได้และกำไรในปี 56 จะลดลงจากปีก่อน โดยคาดว่าในปีนี้จะมีกำไรราว 700 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 915 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดเป้าหมายปริมาณขายถ่านหินปีนี้ลงเหลือ 5.5 ล้านตันใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมตั้งไว้ 7 ล้านตัน หลังจากทางอินโดนีเซียปิดเหมืองที่ไม่มีใบอนญาตในช่วงที่ตลาดถ่านหินเป็นขาลง ทำให้ราคาซื้อในตลาดแพงขึ้น บริษัทจึงตัดสินใจไม่ซื้อมาจำหน่าย
"ที่เราวางแผนไว้เป็นส่วนที่ผลิตจากเหมืองของเราเอง 5-5.5 ล้านตัน และซื้อมาขายอีก 2 ล้านตัน แต่ตอนนี้ในส่วนที่ซื้อมาขายไม่มีแล้ว เพราะภาวะตลาดถ่านหินขาลง อินโดฯสั่งปิดเหมืองที่ไม่มีใบอนุญาต ทำให้ราคาในตลาดแพง เราจึงไม่ซื้อมาขาย"นายสีหศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น ราคาขายถ่านหินในปีนี้ยังปรับลดลง โดยคาดว่าราคาขายเฉลี่ยจากเหมือง LHI จะลดลง 30% มาอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 50 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 55 และราคาขายถ่านหินจากเหมือง SGP ลดลง 50% มาอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 80 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 55 ขณะที่ราคาถ่านหินนิวคาสเซิลก็ปรับลงมาอยู่ที่ 87 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลดลง 35% จากปีก่อนที่ 128 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากต้นปีที่มองราคานิวคาสเซิลไม่น่าต่ำกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ขณะนี้ยังมีโอกาสลงต่อไปได้ถึง 82 เหรียญสหรัฐ/ตัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรไม่ให้ต่ำกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/ตัน แม้จะลดลงจากปีก่อนที่ 8-10 เหรียญสหรัฐ/ตัน

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังคาดว่าทั้งรายได้และกำไรครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งแรกเพราะปริมาณเติบโตได้สูงกว่า ปริมาณผลผลิตดีขึ้น เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูฝน

นอกจากนั้น จากราคาถ่านหินที่ปรับลงตามภาวะตลาดโลกทำให้ต้องปรับเป้าหมายการผลิตถ่านหินปี 57 ลงจากเดิมที่ตั้งเป้าผลิต 7 ล้านตัน ก็ต้องชะลอลงอาจเหลือผลิตเพิ่มอีกแค่ 5 แสนตันถึง 1 ล้านตัน จากปีนี้ที่ผลิตราว 5.5 ล้านตัน หากราคาปรับลงขนาดนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดโลก แต่คงไม่ถึงกับทำให้ต้องขาดทุน

ส่วนการเจรจาซื้อเหมืองถ่านหินแห่งใหม่ คาดว่าหากสรุปได้เร็ววงเงินการซื้อก็ไม่น่าจะเกิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเป็นถ่านคุณภาพสูง โดยบริษัทมีเป้าหมายจะเข้าถือหุ้นราว 51% ซึ่งขณะนี้ก็ยังเจรจากันอยู่น่าจะสรุปได้ภายในปีนี้ เพราะหากตกลงไม่ทันภายปีนี้และยืดไปถึงปีหน้าอาจจะทำให้ราคาแพงขึ้นกว่านี้ โดยบริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนการลงทุนไม่ต่ำกว่า 15%

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากันพันธมิตรต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจดาวน์สตรีมในอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้มีผู้เสนอร่วมทุนกับบริษัทหลายราย โดยเฉพาะให้เข้าไปทำธุรกิจโรงไฟฟ้าหน้าเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีที่เราจะพิจารณาเพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ซึ่งความเป็นไปได้คงเป็นลักษณะร่วมลงทุนกับพันธมิตร

ส่วนธุรกิจเอทานอลปีนี้ยังคาดว่าจะมีกำไรกว่า 100 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/56 สามารถทำกำไรที่ 30 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้กำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตามราคาขายที่ปรับสูงขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ