บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมหุ้น PTG ไว้ที่ 4.66 บาท ประเมินโดยวิธี DCF กำหนด WACC 10.6% และ Terminal growth 2% เทียบเท่า PBV ที่ 2.2 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับธุรกิจจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ โดยปัจจุบันประเมินมูลค่าเหมาะสมจากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันของ BCP เทียบกับ BV ที่ประมาณ 2 เท่า ขณะที่ราคาหุ้น SUSCO ปัจจุบันมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 2.2 เท่า
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิของ PTG ในปี 2556 ไว้ที่ 517 ล้านบาท เติบโต 44% YoY ส่วน EPS เพิ่มขึ้น 7% YoY ปัจจัยบวกอยู่ที่ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นจากผลของนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของภาครัฐ และแผนขยายสถานีบริการน้ำมันเป็น 729 แห่ง
ขณะที่กำไรสุทธิ 1Q56 อยู่ที่ 125 ล้านบาท ลดลง 11% YoY เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นสูง ทั้งนี้กำไรสุทธิ 1Q56 คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี สำหรับแนวโน้มการเติบโต 3 ปีข้างหน้า (ปี 2556 — 2558)คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี
ปัจจุบัน PTG สาขาให้บริการรวม 577 สถานี และมีแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องจำนวนรวม 854 สถานีในระหว่างปี 2556 — 2557 โดยเงินลงทุนจะในโครงการดังกล่าวจะมาจากการขายหุ้น IPO ราว 640 ล้านบาท ขณะเดียวกันแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันหลังปี 2558 บริษัทมีแผนกู้เงินเพิ่ม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มเป็น 0.72 เท่า ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจสถานีบริการที่ 1.35 เท่า
PTG ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลักทั้งแบบการขายผ่านสถานีบริการน้ำมันที่เป็นกรรมสิทธิ์และบริหารงานโดย PTG เอง (Company Owned Company Operated: CoCo) จำนวน 397 สถานี และจำหน่ายน้ำมันให้กับตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเป็นเจ้าของและผู้บริหาร (Dealer Owned Dealer Operated: DoDo) จำนวน 177 สถานี โดยมีรายได้หลัก 2.7% นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจค้าส่งน้ำมัน ธุรกิจขนส่งน้ำมัน และขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมัน PT