"ปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะมากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่า 14.7% เนื่องจากยอดขายของเราเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นของเราจะลดลงกว่าปีที่แล้วแต่ไม่ต่ำกว่า 35% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ของคอนโดฯ DEN เข้ามาในปีนี้ 800 ล้านบาท ซึ่งคอนโดฯ DEN ให้มาร์จิ้นไม่สูงมากเลยฉุดมาร์จิ้นเราลดลง"นางสาวชุติมา กล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มรายได้ของบริษัทในไตรมาส 2/56 คาดจะมากกว่าไตรมาส 1/56 ที่มีรายได้ 586 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ DEN ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่รับรู้แล้ว 200 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 800 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายและรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 1,300 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งจะรับรู้รายได้จากยอดขายใหม่ในปีนี้อีก 1,700 ล้านบาท
บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่เปิดขายในเดือน มิ.ย.56 คือโครงการชวนชื่น โมดัส วิภาวดี เฟสแรก จำนวน 86 ยูนิต บนเนื้อที่ 14 ไร่ มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท และจะทยอยเปิดโครงการที่เหลือในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ โครงการลีออง เจริญกรุง-พระราม 3, โครงการชวนชื่น พระราม 7-สิรินธร และ โครงการคอนโดมิเนียมออกัสท์
บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีกอนที่ใช้งบซื้อที่ดิน 500-600 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรองรับโครงการของบริษัทในอนาคต
นางสาวชุติมา เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะทยอยออกและเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีหลังวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จะไม่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ DEN เข้ามา ซึ่งจะทำให้ปีนี้ D/E ไม่เกิน 0.5 เท่า